เมื่อเศรษฐกิจทั่วโลกระส่ำระส่าย โดยเฉพาะเรื่องสงครามการค้าที่ส่งผลกระทบกับจีนและสหรัฐฯ ตอนนี้ถ้านับรวมก็มีการตั้งกำแพงภาษีระหว่างทั้ง 2 ประเทศมูลค่ารวมกว่า 50 ล้านเหรียญสหรัฐแล้ว ว่าแต่จีนได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจจนจีดีพีตกต่ำลงหรือไม่
เศรษฐกิจจีนโตช้าลงจริงหรือ?
ใครๆ ก็รู้จักจีนในฐานะประเทศที่เศรษฐกิจมีการเติบโตสูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลกอย่างปี ปี 2017 ที่จีดีพีจีนโต 6.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ทว่าปีนี้เมื่อดูจากสถานการณ์ต่างๆ พบว่าจีนมีความเสี่ยงที่เศรษฐกิจจะเติบโตน้อยลง เพราะเดือนก.ค. ที่ผ่านมาชะลอตัวในหลายจุด เช่น การลงทุนของจีน ยอดขายฝั่งรายย่อย ฯลฯ
โดยหลังจากนี้เรื่องที่ต้องจับตามองคือ สงครามการค้า (Trade War) ระหว่างจีนกับสหรัฐฯจะมีข้อสรุปเป็นอย่างไร รวมถึงราคาน้ำมัน และความอสังหาริมทรัพย์ที่ยังเติบโตแข็งแรง
ด้าน Chang Liu นักเศรษฐศาสตร์ จากบริษัทวิจัย Capital Economics บอกว่า ความขัดแย้งระหว่างจีน-สหรัฐฯ แม้จะเป็นอุปสรรคในการกิจกรรมทางเศรษฐกิจ แต่เศรษฐกิจของจีนจะได้รับผลกระทบจากความอ่อนแอของเศรษฐกิจในประเทศที่มีการปล่อยสินเชื่อน้อยลงมากกว่า
ตลาดหุ้นจีนโดนทุบ ค่าเงินก็อ่อนค่าลง
วันที่ 25 ส.ค. ที่ผ่านมาตลาดหุ้นจีนที่ดัชนีลดลงประมาณ 23% เมื่อเทียบกับช่วงเดือนม.ค. ที่ผ่านมาสาเหตุหลักเพราะนักลงทุนกังวลเรื่องเศรษฐกิจจีนที่กำลังอ่อนแอ และผลกระทบจากสงครามการค้า
ด้านค่าเงินหยวนเทียบกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ถือว่าอ่อนค่าลง 9% ตั้งแต่เดือนเม.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่ทางธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่หันไปลงทุนในทรัพย์สินที่มั่นคงและมองว่าจะมีผลตอบแทนมากขึ้น
โดยค่าเงินหยวนที่อ่อนค่าลงส่งผลให้การส่งออกของจีนมีมูลค่าต่ำลง เลยส่งผลดีว่าต้องจ่ายภาษีการส่งออกของสหรัฐฯ น้อยลงไปด้วย
ภาคธนาคารปล่อยกู้น้อยส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีน
นักวิเคราะห์บางส่วนมองว่าการที่ธนาคารต่างๆ ปล่อยกู้น้อยลงจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีน แต่ขณะเดียวกันทาง Xi Jinping ประธานาธิบดีของจีนก็มีนโยบายให้ธนาคารคุมความเสี่ยงในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น เพื่อลดหนี้เสียในระบบ
แต่ตอนนี้ภาครัฐของจีนก็หาทางที่จะปั๊มการเติบโตของเศรษฐกิจผ่านมาตรการต่างๆ เช่น ปักกิ่งประกาศลดค่าใช้จ่ายด้านภาษี เพิ่มการใช้จ่ายเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงการออกสินเชื่อใหม่ในธุรกิจต่างๆ นอกจากนี้ภาครัฐยังประกาศจุดยืนว่าจะทำสภาพแวดล้อมเพื่อซัพพอร์ทผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่อง
ที่มา CNN
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา