ถึงเวลาเปลี่ยนแปลง Atime ปรับ Chill FM เป็น Chill Online วิทยุออนไลน์เต็มตัวครั้งแรกของไทย

เป็นคำถามที่ค้างคาใจใครหลายคนว่าทุกวันนี้ “คนยังฟังวิทยุกันอยู่หรือไม่” นี่คือเรื่องคอขาดบาดตายในวงการวิทยุพอสมควร Atime Media ในฐานะผู้นำตลาดนี้จึงทำการสำรวจทั้งด้วยตัวเอง และบริษัทวิจัยการตลาด พบว่า

คนยังฟังวิทยุอยู่ แต่เปลี่ยนอุปกรณ์การฟัง โดยพบว่าส่วนใหญ่ใช้ สมาร์ทโฟน ในการฟังเพลง แปลว่า ไม่ได้ยึดติดกับเครื่องรับวิทยุ ซึ่งกลายเป็นข้อดีสำหรับวงการวิทยุ เพราะคนสามารถฟังวิทยุได้ตลอดเวลา เมื่อคลื่นวิทยุมีความจำเป็นน้อยลง Atime จึงตัดสินใจ เปลี่ยน Chill FM เป็น Chill Online ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. นี้เป็นต้นไป

และนี่คือ วิทยุออนไลน์เต็มรูปแบบ ครั้งแรกในประเทศไทย

หมดสัญญา คืนคลื่น 94 ปรับทัพธุรกิจวิทยุใหม่

สายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา หรือ พี่ฉอด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานธุรกิจ จีเอ็มเอ็ม มีเดีย บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) บอกว่า เมื่อคลื่นความถี่มีความจำเป็นน้อยลง และคลื่น 94 หมดสัญญา Atime จึงตัดสินใจคืนคลื่นความถี่ ไม่ต่อสัญญาอีก นี่คือสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม จากที่เมื่อก่อนจะเกิดการประมูลแข่งขันเพื่อนำคลื่นความถี่มาใช้งาน แต่ตอนนี้ไม่จำเป็นแล้ว ความเปลี่ยนแปลงจึงเกิดขึ้น 2 ส่วน

1. Chill FM เปลี่ยนเป็น Chill Online เนื่องจากเป็นสถานีที่มีกลุ่มคนฟังออนไลน์สูงที่สุด เน้นเปิดเพลงฟังง่าย สบายๆ จึงเปลี่ยนเป็น วิทยุออนไลน์ฟังทางอินเทอร์เน็ตเท่านั้น ตั้งแต่ 1 เม.ย.

2. คลื่น 94 คืนไปแล้ว ดังนั้น EFM จึงย้ายมาอยู่ที่ 104.5 และจะปรับผังรายการใหม่ แต่ยังคงเอกลักษณ์ความสนุกสนานเฮฮากับดีเจชื่อดังเหมือนเดิม และทั้ง Chill Online กับ 104.5 EFM จะผสานพลังด้านธุรกิจในการจัดกิจกรรมต่างๆ ร่วมกัน

ส่วน Green Wave 106.5 ถือเป็นสถานีที่อยู่มายาวนาน เน้นเปิดเพลงสบายๆ รู้สึกอบอุ่น มีกลุ่มคนฟังที่เหนียวแน่นแข็งแกร่งมาก จึงยังอยู่ตามเดิม

สายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา

ปรับตัวในวันที่ธุรกิจแข็งแกร่ง มาที่เดียวมีครบทุกบริการ

พี่ฉอด บอกว่า การที่ไม่ต่อสัญญาคลื่น ทำให้ Atime ต้นทุนลดลงจากค่าเช่าคลื่น แต่ก็ต้องยอมรับว่ารายได้จากออนไลน์ถือว่ายังน้อยมาก ต้องใช้เวลาในการเริ่มสักระยะ ซึ่ง Atime จะเน้นขายโฆษณาเป็นแพ็คเกจ ไม่ได้เจาะจงเฉพาะราคาสปอตโฆษณาเท่านั้น ปรับเปลี่ยนเนื้อหาของ Chill Online ให้สอดคล้องกับรูปแบบออนไลน์

โดยผู้ฟังสามารถฟัง Chill Online ได้ทางเว็บไซต์ มีดีเจเปิดเพลง ทำกิจกรรมต่างๆ มีช่องทาง Facebook สำหรับถ่ายทอดรายการ Talk รวมถึงมีพื้นที่ให้ลูกค้า เช่น การรีวิว, การวางป้ายสินค้า และในอีก 2-3 เดือนจะเปิดแอปพลิเคชั่นของ Chill Online โดยเฉพาะเพื่อให้เกิดความชัดเจน และทำงานร่วมกับแอป Atime Media

ที่สำคัญคือ การมีธุรกิจที่ครบวงจรมากที่สุด ทั้งวิทยุ ออนไลน์ และ ออนแอร์ (คลื่น) ทั้ง 3 สถานี, มีช่องทีวีดิจิทัล GMM25 รวมถึง Atime Traveler, Atime Showbiz จัดกิจกรรมเต็มรูปแบบ มาที่เดียวมีบริการครบ

GMM25 เตรียมซีรีส์-รายการเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่

ด้านช่องทีวีดิจิทัล GMM25 ยังเน้นเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ อายุ 15-34 ปี และเป็นกลุ่มคนเมืองเป็นหลัก โดยมีโปรแกรมที่หลากหลาย ทั้งหมดละคร ซีรีส์ และรายการต่างๆ ซึ่งเดือน เม.ย. นี้จะมีซีรีส์ละครใหม่ เช่น ละครคน, Club Friday The Series, Love Song Love Series มั่นใจว่าเป็นช่องที่มีซีรีส์มากที่สุด เพื่อตอบโจทย์ความต้องการในหลายรูปแบบ

“ปีนี้เตรียมงบลงทุนไว้ 500 – 600 ล้านบาท สำหรับรายการ และละคร อย่างละครึ่ง เพื่อให้ได้คอนเทนต์ที่มีคุณภาพและตรงกับกลุ่มเป้าหมาย”

ทั้งนี้ ปัจจุบัน GMM25 มีเรทติ้งประมาณ 0.198-0.2 ซึ่งเป็นเรทติ้งแบบรวม มีเป้าหมายเพิ่มให้ได้ 0.5 ในปีนี้ แต่มั่นใจว่าหากวัดเรทติ้งแบบแยกกลุ่ม เน้นกลุ่มคนรุ่นใหม่อายุ 15-34 เชื่อว่าจะมีเรทติ้งที่ดีกว่านี้

สรุป

กลุ่มธุรกิจที่เป็นผู้นำเลือกที่จะปรับเปลี่ยน หรือ Transform ตัวเองในวันที่ธุรกิจยังแข็งแกร่ง มากกว่าจะรอให้ถึงเวลาที่สถานการณ์บังคับ สำหรับธุรกิจวิทยุที่ดูเหมือนเป็นขาลง แต่จริงๆ คนดูแค่ปรับพฤติกรรมมาใช้อุปกรณ์ใหม่ๆ เท่ากับว่า วิทยุกำลังเข้าสู่โลกออนไลน์แบบเต็มรูปแบบ โดยไม่ต้องรอการจัดสรรคลื่นเพื่อเป็นวิทยุดิจิทัล (ซึ่งมีอุปสรรคมาก และไม่รู้จะใช้เวลาอีกนานแค่ไหน) พอเป็นออนไลน์ ก็สามารถออกอากาศได้ตลอดเวลา ไม่มีข่าวต้นชั่วโมง ไม่มีการตัดเข้ารายการพิเศษ ไม่มีช่วงเวลาคืนความสุขให้ประชาชน น่าจะถูกใจหลายๆ คนแน่นอน

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา