ซีอีโอ AWS: ใครที่ไม่อยากเข้าออฟฟิศ 5 วันต่อสัปดาห์ ก็ลาออกได้เลย บริษัทไม่ได้ห้าม

Matt Garman ซีอีโอ AWS ธุรกิจคลาวด์ของ Amazon ยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซโลก บอกกับพนักงานว่า ถ้าไม่พอใจนโยบายใหม่ ที่จะให้พนักงานเข้ามาทำงานในออฟฟิศ 5 วันต่อสัปดาห์ ก็ขอแนะนำให้ ลาออกได้เลย

คำพูดชัดๆ ที่ถอดโดยสำนักข่าว Reuters ระบุว่า “If there are people who just don’t work well in that environment and don’t want to, that’s okay, there are other companies around” แปลแบบจับใจความได้ว่า ถ้ามีคนที่ไม่ได้อยากทำงานในสภาพแวดล้อมแบบที่ทางบริษัทจัดให้ ก็โอเค.. มันยังมีอีกหลายบริษัทข้างนอกให้ออกไปทำงานด้วย

ซีอีโอ AWS ก็พยายามบอกว่า จริงๆ แล้ว ก็ไม่อยากให้ตีความไปในทางที่แย่ แต่ที่ต้องออกมาพูดแบบนี้ เพราะอยากให้พนักงานอยู่ในสภาพแวดล้อมที่พร้อมจะทำงานร่วมกันมากกว่า

“หน้าที่ของพวกเรา คือการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ร่วมกัน ซึ่งผมยังไม่เห็นว่ามันจะทำสิ่งเหล่านี้ได้ ถ้าเราไม่ได้เจอหน้ากัน หรือทำงานด้วยกันในออฟฟิศแบบเจอตัว” ซีอีโอ AWS ชี้แจงเหตุผล

แน่นอนว่า นโยบายการเรียกพนักงานเข้าออฟฟิศครั้งนี้ ส่งผลให้เกิดความไม่พอใจจำนวนมาก พนักงานหลายคนให้ความเห็นว่า เวลาที่ต้องเสียไปกับการเดินทาง สู้เอาเวลานี้ไปทำงานดีกว่า

อย่างไรก็ตาม ซีอีโอ AWS อธิบายเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้ทางบริษัทเคยให้พนักงานเข้ามาทำงานในออฟฟิศ 3 วันต่อสัปดาห์ แต่ปรากฏว่า ไม่เวิร์ค และ “ไม่ประสบความสำเร็จในอะไรทั้งนั้น เพราะพนักงานไม่ได้ทำงานร่วมกันแบบที่คาดหวัง ส่วนใหญ่ก็เลือกมาทำงานในวันที่แตกต่างกันออกไป ไม่ตรงกัน ก็เลยไม่ได้เจอกัน”

ทั้งหมดนี้คือนโยบายของ AWS ที่เป็นไปตามบริษัทแม่อย่าง Amazon เพราะก่อนหน้านี้ซีอีโอ Andy Jassy ก็พูดไว้ชัดเจนว่า พนักงานของบริษัทจะต้องเข้ามาทำงานในออฟฟิศ 5 วันต่อสัปดาห์ และมีแต่การทำแบบนี้เท่านั้นที่จะเป็นตัวก่อให้เกิดนวัตกรรม ความร่วมมือ และความสัมพันธ์ (invent, collaborate and be connected) ของพนักงานและองค์กรได้

อันที่จริงแล้ว การเรียกพนักงานเข้ามาทำงานในออฟฟิศไม่ได้มีแค่ Amazon แต่ยังมีคนระดับผู้บริหารอีกหลายคนที่มีวิธีคิดนี้ เช่น JPMorgan Chase, Tesla, Goldman Sachs หรือกรณีที่ชัดที่สุดคือ Eric Schmidt อดีตซีอีโอ Google ที่เคยออกมาตำหนิว่า การทำงานจากที่ไหนก็ได้ (remote work) ของ Google ที่ทำๆ กันอยู่ตอนนี้ ในท้ายที่สุด มันจะส่งผลให้ Google เป็นบริษัทที่พ่ายแพ้ในศึก AI

ที่มา – Quartz, CNBC, Reuters

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา