จับตาแพลตฟอร์มขายรถมือสอง หลัง Cars24 เลิกจ้างพนักงานกะทันหัน เซ่นพิษเศรษฐกิจ และรถยนต์ไฟฟ้า

แพลตฟอร์มจำหน่ายรถยนต์มือสองอาการหนัก Cars24 เลิกจ้างพนักงานกะทันหัน 4 เดือนล่าสุดหั่นราคาขายเดือนละ 300-400 คัน หวังระบายสต๊อกนำเงินมาหมุน เศรษฐกิจซบ ดอกเบี้ยแพง รถยนต์สันดาป และรถยนต์ไฟฟ้าลดราคาปัจจัยหลัก จับตา Carsome และ Carro อาจเคลื่อนไหวต่อจากนี้

cars24

Car24 ปิดกิจการกะทันหัน

แหล่งข่าวอดีตผู้บริหารแพลตฟอร์มจำหน่ายรถยนต์มือสองแจ้งกับ Brand Inside ว่า Cars24 หนึ่งในแพลตฟอร์มจำหน่ายรถยนต์มือสองในประเทศไทย มีการประกาศปิดกิจการในไทยกะทันหัน หลังประสบปัญหาขาดทุนอย่างต่อเนื่อง ผ่านปัจจัยเรื่องเศรษฐกิจไม่ฟื้นตัว, ดอกเบี้ยสูง และรถยนต์สันดาป กับรถยนต์ไฟฟ้าลดราคาอย่างต่อเนื่อง

“ปัจจัยทั้งหมดเกิดขึ้นมาระยะหนึ่งแล้ว นับตั้งแต่ผลตอบแทนของพันธบัตรสหรัฐฯ ให้ผลตอบแทนดีกว่าไปลงทุนกับสตาร์ตอัป ทำให้แพลตฟอร์มจำหน่ายรถยนต์มือสองในไทยที่ทำธุรกิจในรูปแบบสตาร์ตอัปเริ่มประสบปัญหาเรื่องเงินทุน จากนั้นยังมาเจอกับอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องจนการทำธุรกิจทำได้ยากกว่าเดิม”

ขณะเดียวกันจากการระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ผู้บริโภคนำรถยนต์ส่วนตัวมาขายกับแพลตฟอร์ม และถูกกดราคา ทำให้แพลตฟอร์มเหล่านั้นกว้านซื้อ และนำไปขายในราคาที่ได้ส่วนต่างอย่างน่าพอใจ แต่ด้วยเหตุการณ์นี้กระทบกับแบรนด์รถยนต์ต่าง ๆ ในการจำหน่ายรถยนต์มือหนึ่ง แบรนด์เหล่านั้นจึงเริ่มปรับราคาลงเพื่อจูงใจผู้ซื้อ

รถยนต์ไฟฟ้าคืออีกปัจจัย

นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเรื่องการมาถึงของรถยนต์ไฟฟ้าจีนที่ทำราคาเข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้น จนรถยนต์มือสองไม่สามารถจูงใจผู้ซื้อได้เหมือนเดิม จากปัจจัยทั้งหมดนี้แพลตฟอร์มจำหน่ายรถยนต์มือสองที่กว้านซื้อรถยนต์ไว้จำนวนมากจึงต้องแบกสต๊อกรถยนต์ไว้ และต้องหาวิธีระบายออกมาให้เร็วที่สุดเพื่อนำเงินมาเลี้ยงธุรกิจ

“เข้าใจว่าช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา Cars24 มีการจำหน่ายรถยนต์ 300-400 คัน/เดือน และจำหน่ายในราคาเท่าทุน หรือขาดทุน เพื่อนำเงินมาหมุนธุรกิจ และเตรียมจ่ายค่าชดเชยให้กับพนักงาน ซึ่งสุดท้ายแล้วเรื่องทั้งหมดก็จบที่การปิดกิจการกะทันหัน” โดย Cars24 เป็นสตาร์ตอัปจำหน่ายรถยนต์มือสองจากประเทศอินเดีย ก่อตั้งปี 2015

อ้างอิงข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า Cars24 จดทะเบียนบริษัทวันที่ 2 เม.ย. 2021 ทุนจดทะเบียน 920 ล้านบาท ปี 2023 มีรายได้รวม 1,704 ล้านบาท ขาดทุน 940 ล้านบาท ส่วนข้อมูลจาก Crunchbase ทาง Car24 เป็นสตาร์ตอัประดับยูนิคอร์น ระดุมทุนอยู่ที่ Series G รวมมูลค่าได้รับการลงทุน 1,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

จับตา Carro และ Carsome ในไทย

แหล่งข่าวเสริมว่า ช่วง 5-6 ปีก่อน มีแพลตฟอร์มจำหน่ายรถยนต์มือสองเข้ามาเปิดธุรกิจในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยจุดที่เหมือนกันทุกรายคือดำเนินธุรกิจในรูปแบบสตาร์ตอัป และมาจากต่างประเทศ เช่น Carro ที่มาจากประเทศสิงคโปร์ และ Carsome ที่มาจากประเทศมาเลเซีย

Cars24, Carro และ Carsome มีการยิงโฆษณาทางโทรทัศน์ และให้การสนับสนุนรายการต่าง ๆ อย่างมีนัยสำคัญในช่วงแรกของการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย แต่ปัจจุบัน Carro และ Carsome ต่างประสบปัญหาทางธุรกิจคล้ายกับ Cars24 ถึงขั้นมีการจ้างออกในกลุ่มผู้บริหารระดับสูง และไล่ลงมาที่พนักงานระดับต่ำลงมา

“ต้องจับตา Carro และ Carsome กับแพลตฟอร์มจำหน่ายรถยนต์มือสองอื่น ๆ ว่าจะเกิดแบบเดียวกับ Cars24 หรือไม่ รวมถึงกลุ่มผู้จำหน่ายรถยนต์มือสองที่ต้องแบกรับปัญหาในรูปแบบเดียวกัน” แหล่งข่าวเสริม ส่วนทาง Cars24 ยังไม่มีการออกมาเคลื่อนไหวใด ๆ จากข่าวนี้

อุปทานตลาดรถยนต์ไทยเริ่มแย่

KKP Research โดยกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร มองว่า การลงทุนของจีนอาจสร้างความน่ากังวลต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ไทยมากขึ้นด้วยปัจจัยภายใต้ภาวะอุปสงค์และอุปทานตลาดรถยนต์ของไทยที่ปรับแย่ลง ประกอบด้วย

ตลาดรถยนต์ในประเทศของไทยได้ผ่านจุดสูงสุดและเริ่มเข้าสู่ภาวะชะลอตัวนับตั้งแต่ปี 2018 ซึ่งส่งผลให้ยอดขายรถยนต์ภายในประเทศจะเปลี่ยนเป็นทิศทางขาลงต่อเนื่อง และในอนาคตมีแนวโน้มไม่สามารถรองรับ EV จีนที่จะทะลักเข้ามาในตลาดและที่กำลังจะมีการผลิตภายในประเทศได้ทั้งหมด ทางออกที่สำคัญ คือ ความสามารถในการส่งออก EV จากไทยไปยังประเทศอื่นที่จะช่วยพยุงอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยต่อไปได้

อย่างไรก็ตาม ไทยต้องแข่งกับจีนโดยตรงในตลาดส่งออกรถยนต์ในต่างประเทศ จากการที่ผู้ประกอบการจีนมีการส่งออกและเข้าไปลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศต่าง ๆ โดยตรง จะกดดันให้ส่วนแบ่งตลาดการส่งออกรถยนต์ของไทยมีขนาดเล็กลง ทำให้โอกาสสำหรับไทยในการเป็นผู้นำส่งออกรถยนต์ EV มีความท้าทายมากขึ้น

มูลค่าเพิ่มภายในประเทศ (domestic value add) ที่ไทยจะได้รับจากการผลิตรถยนต์ EV 1 คัน ต่ำกว่าการผลิตรถยนต์ ICE อย่างมาก จากการที่ต้องพึ่งพาการนำเข้าชิ้นส่วนสำคัญจากต่างประเทศ ในขณะที่ในกลุ่มสินค้าเดิมที่ไทยสามารถผลิตได้มีแนวโน้มต้องลดราคาเพื่อแข่งกับผู้ประกอบการจีน เพราะบริษัทจีนสามารถนำเข้าโดยตรงจากจีนด้วยต้นทุนที่ถูกกว่าไทยมาก ทำให้ถึงแม้จะมีการตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ EV ในไทย แต่ประโยชน์ที่ไทยจะได้รับจากการผลิตรถยนต์จะน้อยกว่าในอดีต

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา