ดื่มน้ำผลไม้ 1-2 แก้วต่อวัน อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็ง
งานวิจัย Sugary drink consumption and risk of cancer ที่เพิ่งตีพิมพ์สดๆ ร้อนๆ ใน British Medical Journal ซึ่งถือเป็นวารสารการแพทย์ทั่วไปที่เก่าที่สุดวารสารหนึ่งของโลก ได้ระบุว่าพบความเกี่ยวโยงกันระหว่าง “น้ำผลไม้” กับ “โรคมะเร็ง” พูดให้ชัดก็คือ การดื่มน้ำผลไม้อาจทำให้เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็ง
ความรู้เดิมของเราที่มีคือ น้ำอัดลมนอกจากจะทำให้สุขภาพของเราแย่ลง ทั้งโรคอ้วนและมีส่วนในการเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็ง แต่ความรู้ใหม่คือ ไม่ใช่แค่น้ำอัดลมเท่านั้นที่มีส่วนในการเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็ง เพราะนักวิจัยพบว่า “น้ำผลไม้” ก็มีส่วนในการเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งเช่นกัน
งานวิจัยชิ้นนี้ลงไปทำการศึกษากับคนวัยผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพดีจำนวน 101,257 คน ซึ่งกลุ่มตัวอย่างทั้งหมดมีอายุศึกษาอยู่ที่ 42 ปี และได้ติดตามศึกษาเครื่องดื่มกว่า 94 ชนิด ไม่ว่าจะเป็นน้ำอัดลม เกลือแร่ น้ำผลไม้ และรวมไปถึงเครื่องดื่มที่ใช้สารให้ความหวานอีก 12 ชนิด
ผลวิจัยพบว่า ในปริมาณน้ำอัดลมและน้ำผลไม้ที่ 100 มิลลิลิตรเท่ากัน มีส่วนในการเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งที่ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก
- น้ำอัดลม 100 มิลลิลิตร มีส่วนเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็ง 18%
- น้ำผลไม้ 100 มิลลิลิตร มีส่วนเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็ง 12%
ในงานวิจัยยังระบุอีกว่า ถ้าคุณเป็นคนที่ไม่ได้ดื่มน้ำผลไม้ทุกวันก็คงไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าคุณเป็นคนที่ดื่มน้ำผลไม้หรือเครื่องดื่มที่น้ำตาลทุกวันอย่างน้อย 1-2 แก้วก็จะถือว่ามีความเสี่ยงที่นำไปสู่โรคอื่นๆ ได้มาก และหนึ่งในนั้นคือ “มะเร็ง”
อย่างไรก็ตาม งานวิจัยชิ้นนี้ไม่ได้ระบุให้ชัดว่าอะไรคือปัจจัยที่ทำให้การดื่มน้ำผลไม้จะมีส่วนในการเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็ง แต่ก็พอจะสรุปได้คร่าวๆ ว่าสิ่งนั้นน่าจะเป็น “น้ำตาล” จากน้ำผลไม้ เนื่องจากเครื่องดื่มชนิดอื่นๆ ที่ทำการวิจัยร่วมด้วยอย่างเครื่องดื่มปราศจากน้ำตาล น้ำเปล่า ชาที่ไม่มีรสหวาน และกาแฟต่างก็ไม่ได้ส่งผลต่อการเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งแต่อย่างใด
ที่มา – งานวิจัย, Bloomberg, The Guardian, Telegraph
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา