บี-ควิก คาดปิดปี 2024 ยอดขายทะลุ 12,000 ล้านบาท เติบโต 20% แม้ตลาดรถยนต์ประเทศไทยหดตัว เหตุรถยนต์ยิ่งเก่าโอกาสบำรุงรักษายิ่งเพิ่ม กางแผนขยายสาขาแตะ 230 แห่งทั่วไทย ปั้นธุรกิจร้านกาแฟบีคาเฟ่เพิ่มช่องทางรายได้ มองรถยนต์ไฟฟ้าคืออีกโอกาส เพราะยาง และเบรกต้องเปลี่ยนบ่อยกว่า
บี-ควิก คาดปิดปี 2024 ยอดขายทะลุ 12,000 ล้านบาท
เฮงก์ โจฮัน คิกส์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี-ควิก จำกัด เล่าให้ฟังว่า ปัจจุบันภาพรวมธุรกิจฟื้นกลับมาใกล้เคียงช่วงก่อนโรคโควิด-19 ระบาดแล้ว โดยเฉพาะการเพิ่มจำนวนสาขาที่ปี 2019 มี 150 สาขา แต่ถึงกลางปี 2024 เพิ่มเป็น 224 สาขา
นอกจากนี้สถานการณ์ตลาดรถยนต์ในประเทศไทยเริ่มหดตัว โดยเฉพาะกับการจำหน่ายรถยนต์ใหม่ ทำให้ผู้บริโภคต้องใช้รถยนต์นานขึ้น และมีโอกาสในการบำรุงรักษามากกว่าเดิม กลายเป็นโอกาสสำคัญในการสร้างธุรกิจบี-ควิกให้เติบโตในปี 2024 ได้
จากปัจจัยข้างต้นทำให้บี-ควิกตั้งเป้ายอดขายในปี 2024 ที่ 12,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% จากปี 2023 ที่ทำได้เกือบ 10,000 ล้านบาท และหากเทียบระหว่างจำนวนสาขาเดิมที่เปิดให้บริการในปี 2023 และปี 2024 สาขาดังกล่าวจะมียอดขายเติบโต 10%
กางแผนขยายสาขาเพิ่มเป็น 230 แห่งทั่วไทย
เพื่อไปให้ถึงเป้าหมายดังกล่าว บี-ควิกเตรียมขยายสาขาในประเทศไทยเพิ่มจนถึงสิ้นปีเป็น 230 สาขา โดยลงทุนสาขาละ 20 ล้านบาท เปิดในพื้นที่ที่มีโอกาส เช่น พระราม 9 และจังหวัดอุตรดิตถ์เป็นต้นทำให้เหลือแค่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ยังไม่มีสาขาของบี-ควิก
“การขยายสาขาของเราจะเป็นในรูปแบบสแตนด์อโลนเป็นหลักหลังจากนี้ จากช่วงแรกในการทำธุรกิจที่เราเน้นขยายสาขาในศูนย์การค้าต่าง ๆ เพราะเวลานั้นเรายังไม่เป็นที่รู้จัก แต่ตอนนี้เราได้รับความเชื่อมั่นจากลูกค้า และพร้อมขยายออกไปในจุดต่าง ๆ ด้วยตัวเอง”
นอกจากการขยายสาขา บี-ควิกยังเตรียมเดินหน้าธุรกิจ บีคาเฟ่ หรือร้านกาแฟที่ช่วงแรกจะตั้งอยู่ในสาขาต่าง ๆ ของบี-ควิก ใช้งบลงทุนสาขาละ 2 ล้านบาท ปัจจุบันมี 5 สาขา สิ้นปี 2024 จะเพิ่มเป็น 10 สาขา และมีโอกาสขยายออกไปให้บริการนอกสาขาบี-ควิกเช่นกัน โดยสาขาต่าง ๆ ในไทยของบี-ควิก บริษัทจะเป็นผู้ลงทุนเองทั้งหมด
ออกต่างประเทศ ไม่หวั่นรถยนต์ไฟฟ้าเติบโต
นอกจากประเทศไทย บี-ควิกยังออกไปทำตลาดในต่างประเทศ เริ่มต้นที่อาเซียนก่อน เช่น ในอินโดนีเซียที่บริษัทถือหุ้น 90% เพื่อให้บริการอยู่ 28 สาขา และสิ้นปี 2024 จะเพิ่มเป็น 37 สาขา รวมถึงในกัมพูชาที่มีอยู่ 3 สาขา และหากขยายสาขาครบ 60 แห่งในอินโดนีเซีย จะขยายไปในอีกประเทศกลุ่มอาเซียนที่น่าสนใจ
เฮงก์ โจฮัน คิกส์ เสริมว่า ส่วนความนิยมมากขึ้นของรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย และกลุ่มประเทศอาเซียน คืออีกโอกาสของบี-ควิกเช่นกัน เพราะรถยนต์ไฟฟ้ามีน้ำหนักค่อนข้างมาก โอกาสในการบำรุงรักษาระบบเบรก และยางก็มีสูงขึ้น ยิ่งผู้บริโภคไม่ได้ใช้ยางที่เหมาะกับรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ ยางดังกล่าวจะมีปัญหาเร็วกว่าปกติ
“รถยนต์ไฟฟ้าก็ต้องเปลี่ยนยาง เปลี่ยนเบรก ดังนั้นความนิยมของรถยนต์ไฟฟ้าคงไม่ได้กระทบกับธุรกิจบี-ควิกมาก ยิ่งยางของรถยนต์ไฟฟ้านั้นค่อนข้างราคาสูง และศูนย์บริการของรถยนต์ไฟฟ้าอาจยังไม่ได้ครอบคลุม ทำให้ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้ามาบำรุงรักษากับเราได้เช่นกัน”
ลุยตลาดออนไลน์ ร่วมมือฟุตบอลไทยเทำตลาด
บี-ควิก มีการทำตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น การเป็นผู้นำในกลุ่มสินค้าเกี่ยวกับรถยนต์ในลาซาด้า และช้อปปี้ รวมถึงมีเว็บไซต์จำหน่ายยางรถยนต์ของตัวเองภายใต้ชื่อ www.thaitire.com ซึ่งการซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์สามารถนำมาติดตั้ง หรือใช้งานที่สาขาต่าง ๆ ของบี-ควิกได้ทันที
ล่าสุด บี-ควิก ประกาศความร่วมมือทางการตลาดกับทีมฟุตบอลทีมชาติไทย เพื่อช่วยสื่อสารแบรนด์ผ่านช่องทางต่าง ๆ หรือครอบคลุม 4O กล่าวคือ On Ground, On Line, On Air และ Out of Home ถือเป็นความร่วมมือต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ล้อไปกับการสนับสนุนด้าน Sports Marketing อื่น ๆ เช่น มอเตอร์สปอร์ต และงานวิ่งมาราธอน
ปัจจุบันบี-ควิกมีผู้สมัครสมาชิก B Members หรือโปรแกรมสิทธิประโยชน์ของบริษัทที่เริ่มให้บริการมา 2 ปี มีผู้สมัครทั้งหมด 1.2 ล้านราย ซึ่งสมาชิก 1 รายอาจไม่ได้มีรถยนต์ 1 คัน ซึ่งฐานข้อมูลดังกล่าวจะถูกนำมาพัฒนาการทำตลาดของบี-ควิกหลังจากนี้
อ่านเพิ่มเติม
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา