“ทำงานกับกูมีกฎข้อเดียว ทำไม่ได้ก็ออกไป” รุ่ยเจี๋ย 2025
สำหรับใครที่ได้ดู ‘สงคราม ส่งด่วน’ แล้ว ขอถามหน่อยว่า คุณอยากได้เจ้านายแบบ ‘รุ่ยเจี๋ย’ หรือเปล่า?
เชื่อเลยว่า บางคนคงตอบไม่ เพราะแม้ลึกๆ แล้วรุ่ยเจี๋ยจะมีจิตใจที่เป็นห่วงเป็นใยลูกน้องอยู่บ้าง แต่กว่าจะถึงจุดนั้น อาจต้องทนกับความเกรี้ยวกราดของเขาไปก่อน
แต่รุ่ยเจี๋ยไม่ใช่คนเดียวบนโลกนี้ที่เป็นหัวหน้าสายโหดใช่ไหมล่ะ? แล้วสงสัยไหมว่าทำไม เจ้านายตัวร้าย มักจะได้ดีอยู่เสมอ หรือมีเหตุผลอะไรอยู่เบื้องหลังความเข้มงวดที่ช่วยเป็นบันไดสู่ความสำเร็จ?
คนเกรี้ยวกราดมักได้เลื่อนตำแหน่งเพราะโดดเด่น
งานวิจัยจาก University of British Columbia ตีพิมพ์บน Journal of Personality and Social Psychology พบว่า คนที่แสดงออกถึงนิสัยชอบควบคุม บงการผู้อื่น มักจะถูกเลือกให้เป็นผู้นำ และผู้นำที่มีความเกรี้ยวกราดก็มักจะได้ตำแหน่งสูงขึ้น เพราะนิสัยเหล่านี้ทำให้เขาโดดเด่น
อาจด้วยหน้าที่ของการเป็นหัวหน้าที่ต้องดูแลคนในทีมให้อยู่ในทิศทาง ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ มีผลงานที่น่าพอใจ เลยต้องอาศัยทักษะในการควบคุมคน
บ้างก็ใช้ไม้นวม บ้างก็ใช้ไม้แข็ง แต่โดยรวมแล้ว เป้าหมายของเจ้านายตัวร้าย คือ อยากให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่ต้องการ ซึ่งทักษะเหล่านี้มักเกี่ยวโยงกับพฤติกรรมร้าย ๆ เช่น เจ้ากี้เจ้าการ เกรี้ยวกราด ปากร้าย มาตรฐานสูง
เจ้านายตัวร้ายมักเชื่อว่า หากไม่ลงแส้ม้าก็จะไม่วิ่ง จึงพยายามผลักดันให้ทุกคนต้องลงแรง ทุ่มเทกายใจให้เท่าหรือมากกว่าเขา เพื่อแสดงประสิทธิภาพในการทำงาน ยิ่งเข้มงวด ยิ่งเชื่อฟัง เจ้านายเจ้ากี้เจ้าการจึงจัดการทีมได้อยู่หมัด
เกรี้ยวกราดแล้วไง รับมือความกดดันได้แล้วกัน
แต่ก็ใช่ว่าทุกอย่างจะเป็นข้อเสียไปทั้งหมด ความเกรี้ยวกราดนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับคนในทีมเพียงอย่างเดียว เพราะเจ้านายตัวร้ายจะมีลูกล่อลูกชน ในยามต้องรับมือกับสถานการณ์กดดันจากทีมอื่น และจะรักษาผลประโยชน์ของทีมให้ถึงที่สุดเสมอ
ดังนั้น คนที่ได้ประโยชน์จึงเป็นบริษัท เพราะได้รับผลลัพธ์ที่มาจากการขับเคลื่อนของเหล่าพนักงาน
แม้ลูกทีมอาจต้องไม่ชอบวิธีการพูด หรือสภาพแวดล้อมในการทำงานกับเจ้านายขาโหด แต่ก็เพราะความเข้มงวดของเขาไม่ใช่หรือ ที่ผลักดันให้ทีมมาถึงจุดนี้ได้
เพราะฉะนั้น มันจึงไม่แปลกที่องค์กรจะรักเจ้านายเกรี้ยวกราดและเลื่อนตำแหน่งให้เขา
แต่เราพูดกันดีๆ ก็ได้นะ
แล้วเจ้านายจำเป็นต้องดุดันเท่านั้น ถึงจะประสบความสำเร็จหรือเปล่า?
จริงอยู่ที่เจ้านายเกรี้ยวกราด มักจะเคี่ยวเข็ญให้ลูกน้องทำงานได้ดั่งใจ จนเหมือนกับว่าทีมประสบความสำเร็จได้จากการผลักดันของเขา
แต่สิ่งที่เขาอาจทิ้งไว้เบื้องหลังคือ สภาพแวดล้อมการทำงานที่ไม่น่าอภิรมย์ คอมเมนต์ดุเด็ดเผ็ดมันที่ฝังอยู่ในใจคนฟัง ความไม่พอใจในพฤติกรรมอันเคร่งครัดที่ค่อย ๆ ก่อตัวในใจของทีม จนกลายเป็นระเบิดเวลาที่ไม่รู้ว่าจะถูกดึงสลักออกในวันไหน
หากมองแค่ในแง่ผลประโยชน์ แน่นอนว่าเจ้านายแบบนี้ดูเหมือนจะดึงประสิทธิภาพในการทำงานของทีมออกมาได้ดีกว่าเจ้านายแสนดี แต่หากมองในแง่เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน มองพนักงานเป็นคนคนหนึ่งที่มีเลือดเนื้อ มีจิตใจ ความเกรี้ยวกราดอาจไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุด
การเป็นเจ้านายแสนดีก็สามารถนำทีมประสบความสำเร็จได้เช่นกัน เพราะหัวใจหลักในเรื่องนี้คือการดึงประสิทธิภาพการทำงานของทีมออกมาให้ได้ ให้ทีมมีผลงานที่ดี น่าพอใจ เป็นไปตามเป้าหมาย
หากเรามีวิธีอื่นที่ทำได้ก็อาจส่งผลดีกับสภาพแวดล้อมในการทำงานมากกว่า เช่น การเป็นเจ้านายที่เข้มงวด แต่เข้าอกเข้าใจสถานการณ์ รู้ว่าในทีมกำลังเผชิญอยู่กับอะไร เป็นต้น
สุดท้ายแล้ว การรักษาความสัมพันธ์ที่ดีในที่ทำงานก็เป็นอีกสิ่งสำคัญที่แม้แต่เจ้านายก็ไม่อาจมองข้ามได้ เพราะเราก็คงไม่อยากเป็นเจ้านายในฝันร้ายของใคร
แล้วคุณล่ะคิดว่า ถ้าวันนั้น รุ่ยเจี๋ยไม่โดนลอยแพกลางทะเลร่วมกับลูกทีม เขาจะเป็นเจ้านายที่มีแต่ความโหดอย่างเดียวเลยหรือเปล่า?
อ่านบทความฉบับดั้งเดิมได้ที่ Brand Inside
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา