ต้องบอกว่า คำเตือนจาก Bill Gates โดยเฉพาะเรื่องโรคระบาดนั้นค่อนข้างแม่นยำ โลกไม่อาจเมินเฉยได้ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ เขาศึกษาเรื่องโรคระบาดและเคยเตือนไว้แล้วว่าโลกยังไม่พร้อมที่จะเผชิญกับโรคระบาดตั้งแต่ปี 2015 แล้ว โลกเตรียมตัวเรื่องนี้น้อยไป หากจะมีอะไรสังหารผู้คนได้ถึง 10 ล้านคนภายใน 10 ปีข้างหน้าก็น่าจะเป็นไวรัสมากกว่าสงคราม และในที่สุด โควิดก็เริ่มระบาดจริงๆ ในช่วงปลายปี 2019 ตัวเลขล่าสุดของผู้ติดเชื้อโควิดทั่วโลกอยู่ที่ 534.88 ล้านคน เสียชีวิตโดยรวมอยู่ที่ 6.3 ล้านคน
ล่าสุด Bill Gates กล่าวในงาน Time 100 Summit ว่า โควิด-19 ให้โอกาสมวลมนุษยชาติเตรียมพร้อมเพื่อรับมือกับโรคระบาดในอนาคต เขาประเมินว่าการเตรียมพร้อมดังกล่าวมีต้นทุนราว 1 พันล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 3.4 หมื่นล้านบาทต่อปี เขาบอกว่า โลกจะต้องสร้างทีมผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบาดและการติดเชื้อประมาณ 3,000 คนเพื่อจะช่วยเหลือทุกประเทศในการพัฒนาการรับมือกับโรคระบาด ทีมที่ว่านี้ก็คือทีม Global Epidemic Response and Mobilization (GERM) หรือทีมที่จะต้องระดมสรรพกำลังเพื่อรับมือโรคระบาดในระดับโลก ซึ่งองค์การอนามัยโลกจะต้องเป็นผู้จัดการเรื่องนี้
หนึ่งในความรับผิดชอบหลักของทีม GERM ก็คือจะต้องเจาะลึกเรื่องโรคระบาดและคอยทดสอบแต่ละประเทศว่ามีการเตรียมพร้อมเพื่อรับมือกับโรคระบาดไปถึงไหนแล้ว เกตส์บอกว่าโรคระบาดที่จะเกิดขึ้นครั้งถัดไปอาจจะทำให้อัตราคนเสียชีวิตสูงกว่านี้มากและนั่นอาจจะเป็นจุดจบของสังคมได้
โอกาสที่โรคระบาดจะเกิดขึ้นคืออีก 20 ปีข้างหน้า อาจจะมาทั้งจากธรรมชาติหรือไม่ก็จงใจทำให้มันเกิดขึ้น เขาบอกว่ามีโอกาสเกิดขึ้นได้มากกว่า 50% แนวคิดเรื่องทีม GERM คือสิ่งที่เกตส์สนับสนุนและนำมาถกเถียงผ่านหนังสือเล่มใหม่ของเขา หนังสือเรื่อง “How to Prevent the Next Pandemic” ที่ตีพิมพ์ไปตั้งแต่เดือนเมษายน
รู้จักทีม GERM ก่อนจะมีโรคระบาดครั้งถัดไป
เกตส์บอกว่า คุณไม่สามารถทำอะไรได้มากมายนัก หากคุณไม่สามารถรับมือกับสิ่งนั้นได้อย่างรวดเร็ว โรคระบาดคือปัญหาของโลก หากมีสักหนึ่งประเทศที่ไม่ได้ฝึกเพื่อรับมือในการตรวจพบโรคหรือควบคุมการระบาดของโรคได้ เมื่อนั้นปัญหาก็จะเกิดขึ้นกับประเทศอื่นๆ ทั้งหมด ทีม GERM อาจจะต้องรับผิดชอบอย่างจริงจังกับบางประเทศที่มีศักยภาพจำกัดในการรับมือกับโรคระบาด
เกตส์พูดถึงทีม GERM ผ่านบทความของเขาที่เผยแพร่ใน GatesNotes เมื่อ 30 เมษายนที่ผ่านมาว่า เขานึกถึงภาพยนตร์เรื่อง Outbreak จะมีฉากที่ปรากฏภาพนักโรคระบาดวิทยาของรัฐบาล 3 ทีมมาที่หมู่บ้านอันห่างไกลด้วยเฮลิคอปเตอร์ เนื่องจากคนในหมู่บ้านส่วนใหญ่เสียชีวิตจากอาการที่เหมือนกับโรค Ebola ทั้งหมดสวมชุดปฏิบัติการบนดวงจันทร์ (เหมือนชุด PPE ในปัจจุบัน) พวกเขาเปรียบเสมือนฮีโร่ที่กำลังทำงานอย่างหนักเพื่อควบคุมภัยคุกคามก่อนที่มันจะระบาดออกมาทำร้ายคนอื่น เขาพูดถึงฉากที่ว่านี้เป็นเหมือนฉากที่ได้รับแรงบันดาลใจและตบท้ายด้วยว่ามันคือนิยายฉบับฮอลลีวูด
ในความเป็นจริงก็คือทีมปฏิบัติการที่ว่านี้ ไม่มีอยู่ในชีวิตจริงและเขาก็ได้แต่หวังว่ามันจะเกิดความเปลี่ยนแปลงโดยเร็ว เพราะมันเป็นหนึ่งในสิ่งที่สำคัญที่สุดที่เราสามารถทำได้เพื่อป้องกันโรคระบาดครั้งถัดไป เขาบอกปัจจุบันนี้ก็มีองค์กรที่ทำงานอย่างหนักเพื่อรับมือกับโรคระบาดครั้งใหญ่ แต่กำลังของพวกเขาเหล่านี้ขึ้นอยู่กับทีมอาสาสมัคร ที่รู้จักกันดีที่สุดก็คือ GOARN หรือ Global Outbreak Alert and Response Network หรือเครือข่ายรับมือและเตือนภัยโรคระบาดโลก ที่ทำงานฮีโร่นี้แต่ไม่ได้มีพนักงานประจำ ไม่มีเงินทุน
เขาบอกว่าโลกจำเป็นต้องมีองค์กรผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ถาวร เป็นผู้ที่ได้รับค่าตอบแทนเต็มที่และมีการเตรียมพร้อมที่จะร่วมงานเพื่อรับมือกับโรคระบาดที่เป็นภัยอันตรายที่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา จากนั้นเกตส์ก็พูดถึงหนังสือของเขาและระบุว่า เขาเรียกทีมนี้ว่า GERM (ตามที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น)
ใครจะไปคิดว่าโลกเรา ไม่มีทีมผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลเรื่องโรคระบาดจริงจัง?
ในคลิปที่พูดถึงเรื่องทีม GERM นี้ เกตส์บอกเลยว่าเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจมากที่โลกไม่มีองค์กรระดับโลกที่จะมาทำงานอุทิศตนหรือทุ่มเทอย่างเต็มที่ในการป้องกันโรคระบาด มีแต่ความพยายามแบบชั่วคราวหรือความพยายามแบบพาร์ทไทม์ที่ WHO จัดการประเด็นเกี่ยวกับสุขภาพมากมาย แต่ไม่มีทีมที่จะมาทำเรื่องนี้อย่างเต็มกำลัง เขาบอกว่าเราจำเป็นที่จะต้องมีสร้างทีมนี้เพื่อทำงานเต็มรูปแบบ ทีมนี้จะต้องมอนิเตอร์เชิงรุกเกี่ยวกับภัยคุกคามด้านสุขภาพที่จะเกิดขึ้นทั่วโลก
นักวิทยาศาสตร์ข้อมูลจะต้องเห็นคลัสเตอร์โรคที่น่าสงสัย นักโรคระบาดวิทยาจะต้องมอนิเตอร์รายงานจากรัฐบาลแห่งชาติเพื่อที่จะสามารถระบุได้ว่ามันสามารถกลายเป็นโรคระบาดได้หรือไม่ จากนั้นก็ต้องรวมข้อมูลเข้าไว้ด้วยกันเพื่อที่จะประเมินสถานการณ์ ต่อมาผู้เชี่ยวชาญในการพัฒนาผลิตภัณฑ์จะต้องทำงานร่วมกันกับรัฐบาลและบริษัท เราจะต้องทำงานร่วมกันมากขึ้นในการวินิจฉัยโรค รักษาโรคและจัดหาวัคซีนป้องกันโรคที่จะสามารถขยายอัตราการผลิตให้ได้ภายในระยะเวลาสั้นๆ
จากนั้นก็ต้องทำให้แน่ใจว่าแต่ละประเทศจะมีนโยบายในการจัดการตามแนวทางที่ถูกต้อง ทีมจะต้องมีการจัดการจำลองการจัดการโรคระบาดเป็นปกติ ทีม GERM จำเป็นต้องทดสอบระบบรับมือโรคระบาดของโลกและหาจุดอ่อนให้เจอ เราทำเช่นนี้ทั้งในสงคราม ในการจัดการไฟไหม้ ในการจัดการแผ่นดินไหว ตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่เราต้องทำกับโรคระบาดด้วย เกตส์คิดว่าเราจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องสร้างทีม GERM เพื่อที่จะเตรียมพร้อมรับมือกับโรคระบาดให้ได้
นอกจากนี้เกตส์ยังพูดถึงบางมาตรการที่ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขทั่วโลกได้สนับสนุนให้เกิดขึ้นนับตั้งแต่โรคระบาดเริ่มเกิดขึ้น ซึ่งมีทั้งการยกระดับเทคโนโลยีเกี่ยวกับโรคระบาด ทั้งวัคซีนและวิทยาการเกี่ยวกับการรักษาโรค การสร้างระบบสาธารณสุขและการมอนิเตอร์โรคระบาดทั่วโลกได้ดีขึ้น
เกตส์ประเมินว่าทั้งโลกน่าจะมีต้นทุนในการดูแลเพื่อป้องกันโรคระบาดราว 1 พันล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 3.4 หมื่นล้านบาทซึ่งก็ถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายที่เล็กน้อยถ้าเทียบกับความสูญเสียจากโควิดระบาดที่เกิดขึ้นทั่วโลก เราสูญเสียกว่า 14 ล้านล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 485 ล้านล้านบาทกับการระบาดของโควิดครั้งนี้ ซึ่งถ้าโควิดครั้งนี้ทำคนเสียชีวิต 20 ล้านคนทั่วโลก เฉพาะในสหรัฐอเมริกาอยู่ที่ 1 ล้านคน อัตราการตายจะอยู่ที่ 0.2%
มีคนติดเชื้อโควิดมากกว่า 530.8 ล้านคนและมีผู้เสียชีวิตจากไวรัสรวม 6.3 ล้านคน ซึ่งองค์การอนามัยโลกได้ประเมินไว้ว่า ยอดรวมผู้เสียชีวิตจากโรคระบาดตั้งแต่ 1 มกราคม 2020 ถึง 31 ธันวาคม 2021 จะมีผู้เสียชีวิตจากโควิดระบาดโดยรวมอยู่ที่ 14.9 ล้าานคน ยอดรวมผู้เสียชีวิตมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้า
เกตส์ยังวิพากษ์การรับมือโรคระบาดของสหรัฐอเมริกาภายใต้รัฐบาลทรัมป์ว่า มีความล้มเหลวในการรับมือกับโรคระบาดในช่วงแรกเริ่ม โรคระบาดไม่ได้ถูกตรวจสอบในช่วงเริ่มต้น หลังจากนั้นมันก็ยากจะที่จะควบคุมเพราะยอดการติดเชื้อมันพุ่งแบบ exponential growth หรือเป็นการเติบโตแบบก้าวกระโดดที่ยากจะควบคุม
- Bill Gates: ปิดประเทศหนีไวรัสช่วยฟื้นตัวเร็ว แต่ถ้าประเทศกำลังพัฒนา ศก. จะกระทบหนัก
- Social Distancing: โรคระบาด COVID-19 สอนให้มนุษย์หยุดเป็น “สัตว์สังคม” สักระยะ
- ต้องรอด Bill Gates แนะยุทธศาสตร์รับมือไวรัสโควิด-19 ที่กำลังเป็นภัยคุกคามโลก
ที่มา – Insider, JHU.EDU, GatesNotes
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา