เส้นทางสู่ Better Work Life Balance ตามสไตล์พี่รุตม์ Head of People LINE MAN Wongnai

Work Life Balance หรือความสัมพันธ์ระหว่างชีวิตการทำงาน กับการพักผ่อนส่วนตัว ที่อยู่นอกเหนือจากเวลาทำงาน เป็นปัญหาสำคัญของเหล่าบรรดามนุษย์เงินเดือน ที่ไม่สามารถแบ่งเวลาระหว่างการทำงาน กับการพักผ่อนได้อย่างเหมาะสม

ไม่ว่าจะเป็นการทำงานที่มากเกินไป เลิกงานดึก ทำงานไม่เสร็จ เอางานกลับไปทำในช่วงวันหยุด จนเบียดบังเวลาพักผ่อนไปจนหมด หรือแม้แต่บางคนให้ความสำคัญกับการพักผ่อนมากเกินไป จนประสิทธิภาพในการทำงานไม่ดี ดังนั้นไม่ว่าจะทำงานมากเกินไป หรือพักผ่อนมากเกินไป ก็ไม่ดีทั้งสิ้น ต้องรู้จักบริหารจัดการเวลาให้เป็น ซึ่งจะนำไปสู่ Work Life Balance ที่ดี

Brand Inside ได้มีโอกาสคุยกับ พี่รุตม์ อานนทวงศ์ มฤคพิทักษ์ Head of People ของ LINE MAN Wongnai เรื่องการสร้าง Work Life Balance ที่ดี ในชีวิตมนุษย์เงินเดือน

จัดความสำคัญของงานที่ต้องทำ ด้วย 4 Quadrant Matrix

พี่รุตม์ เล่าว่า การสร้าง Work Life Balance ให้กับชีวิต ควรเริ่มจากการแบ่งเวลาทำสิ่งต่างๆ ในชีวิตประจำวัน โดยใช้วิธี 4 Quadrant Matrix คือการแบ่งกิจกรรม หรือสิ่งที่ต้องทำในแต่ละวันออกเป็น 4 ส่วน ตามระดับความสำคัญ และความเร่งด่วน

  • Q1 คือ สิ่งที่สำคัญ ต้องทำอย่างเร่งด่วน เช่น ป่วยหนัก ต้องรีบไปหาหมอ จ่ายค่าบัตรเครดิตที่กำลังจะครบกำหนด หรือต้องประชุมอย่างเร่งด่วนกับลูกทีม
  • Q2 คือ สิ่งที่สำคัญ ไม่เร่งด่วน เช่น การออกกำลังกาย การวางแผนทางการเงิน หรือการพัฒนาวิธีการทำงานกับลูกทีม
  • Q3 คือ สิ่งที่ไม่สำคัญ ต้องทำอย่างเร่งด่วน ดูภาพยนต์เข้าใหม่ในโรงภาพยนตร์ ซื้อของลดราคา หรือรับโทรศัพท์จากแฟน
  • Q4 คือ สิ่งที่ไม่สำคัญ ไม่เร่งด่วน เล่นทวิตเตอร์ ติดตามข่าวดารา หรือเม้าท์เรื่องนางงามที่กำลังอยู่ในกระแสกับเพื่อนๆ

ให้ความสำคัญกับ Q2 ช่วยสร้าง Impact ในระยะยาว

พี่รุตม์ แนะนำว่า ส่วนที่สำคัญมากที่สุดใน 4 Quadrant Matrix คือ Q2 ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญ แต่ยังไม่เร่งด่วน แม้จะยังเป็นกิจกรรมที่ไม่เร่งด่วน แต่กลับมีความสำคัญในฐานะสิ่งที่ควรทำ ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตที่ดี และให้ผลตอบแทนที่ดีที่สุดในระยะยาว เพราะหากเราเลือกที่จะแบ่งเวลาทำกิจกรรมที่อยู่ใน Q2 ตั้งแต่แรก ก็จะช่วยสร้าง Impact มากที่สุด

เพราะงานที่มีความสำคัญ ต้องทำอย่างเร่งด่วน (Q1) ก็เคยจัดเป็นงานประเภท Q2 มาก่อนแล้วทั้งสิ้น แต่เพราะการเลือกที่จะยังไม่ทำ ปล่อยเวลาให้ผ่านไปเรื่อยๆ งานเหล่านั้นจึงเปลี่ยนสถานะจากเรื่องสำคัญ ที่ไม่เร่งด่วน กลายเป็นสิ่งที่เร่งด่วนไปในที่สุด ซึ่งถ้าจัดการงานที่อยู่ใน Q2 ตั้งแต่แรก ก็จะสร้างความอิสระให้กับการใช้ชีวิต ทำงานด้วยความผ่อนคลาย ทำเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่ต้องรีบทำเพราะโดนบีบด้วยเวลา

เวลาในแต่ละวัน มีน้อยกว่า 24 ชั่วโมง

อ่านมาจนถึงตรงนี้ หลายๆ คน คงคิดว่าในแต่ละวัน เรามีเวลามากถึง 24 ชั่วโมง ในการจัดการทั้งภาระงาน และพักผ่อน ใช้ชีวิตส่วนตัว แต่ความจริงแล้ว เราไม่ได้มีเวลาว่างขนาดนั้น หากลองแบ่งเวลาในแต่ละวัน เป็นช่วงเวลา

  • อาบน้ำ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง
  • เดินทาง ใช้เวลา 2 ชั่วโมง
  • ทำงาน ใช้เวลา 8 ชั่วโมง
  • ทานอาหาร ใช้เวลา 2 ชั่วโมง
  • นอนอีก 7 ชั่วโมง

นั่นแสดงว่าในแต่ละวัน เรามีเวลาเหลือจริงๆ เพียง 4 ชั่วโมงเท่านั้น ไม่ได้มากถึง 24 ชั่วโมงอย่างที่เราเคยคิดกับ แค่นอน กับ ทำงาน ก็กินเวลาไปเกินครึ่งหนึ่งของวันแล้ว

เพราะในแต่ละวัน เราต้องเสียเวลาไปกับการทำงาน หรือกิจกรรม ที่เร่งด่วน ไม่ว่างานนั้นจะสำคัญ หรือไม่สำคัญก็ตาม แต่เรากลับไม่ได้ทำงานที่มีความสำคัญ แต่ไม่เร่งรีบ (Q2) เลย จนสุดท้ายแล้วชีวิตของเรา ก็วนลูปอยู่แต่กับการทำงานที่เร่งด่วนจนเหนื่อย และหมดแรงในที่สุด

กฎ 80:20 ทำในสิ่งที่จะเกิด Impact จริงๆ

พี่รุตม์ อธิบายว่า ในการทำงาน 10 ชั่วโมงต่อวัน มีเวลาเพียงแค่ 2 ชั่วโมง เท่านั้นที่ส่งผลให้เกิด Impact กับการทำงานจริงๆ

ดังนั้น ในแต่ละวัน เราจึงมีแต่งานที่ทำแล้วไม่ได้สร้าง Impact เป็นส่วนใหญ่ สังเกตได้จาก To-do List ที่เราทำในแต่ละวัน ที่มีแต่การเตือนทำงานเอกสาร และโทรหาคนอื่นๆ สุดท้ายแล้วสิ่งที่ควรทำคือ การมองหา 20% ของงานที่ต้องทำใน To-do List และพัฒนาสู่ One Thing ซึ่งเป็นจะกลายเป็นกุญแจสำคัญ เมื่อทำสำเร็จแล้ว จะทำให้งานอื่นๆ ง่ายขึ้น

โดยเราควรหา One Thing หรือกุญแจสำคัญของเรา ให้เจอทุกๆ วัน หรือทุกๆ สัปดาห์ และใช้เวลาไปกับมันอย่างน้อยครึ่งหนึ่งของเวลาทำงานในแต่ละวัน ซึ่งจะทำให้เรามี Productivity ในการทำงานที่ดี ลงแรงกับการทำงานอย่างถูกจุด ใช้เวลาที่มีไปกับสิ่งสำคัญมากที่สุด ซึ่งจะช่วยสร้าง Impact ให้กับการทำงานของเราในระยะยาว

พี่รุตม์ อานนทวงศ์ มฤคพิทักษ์ Head of People ของ LINE MAN Wongnai จะมาทำหน้าที่เป็น Moderator ภายในงาน Brand Inside Forum 2020: New Workforce “ทิศทางการทำงานในอนาคต ตอบโจทย์คนทุกเจเนอเรชั่น” ที่กำลังจัดขึ้นในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2563 ที่สามย่าน มิตรทาวน์ ฮอลล์

พร้อมฟังเรื่องราวเกี่ยวกับการปรับตัวในการทำงาน การบริหารองค์กรอย่างไร ให้ตอบโจทย์คนทุกเจเนอเรชั่น โดยสามารถซื้อบัตรผ่าน Event Pop ได้ที่ >> http://go.eventpop.me/Brandinsideforum2020 หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่อีเมล: forum@brandinside.asia

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา