ด้วยภาพลักษณ์ความเป็นพรีเมี่ยมของ Betagro นอกจากไส้กรอกแล้ว ปีนี้ส่งแคมเปญรวยติดล้อ แจกรถขายไส้กรอกทอด 10 คัน เพื่อยกระดับและกระตุ้นตลาด โดยภาพรวมจะเน้นไปแข่งในตลาดภูมิภาคมากขึ้น พร้อมตั้งเป้าว่าในปีนี้จะโต 15%
ส่งแคมเปญกระตุ้น ตลาดไส้กรอก 3.4 หมื่นล้าน ให้ครึกครื้น
“เศรษฐกิจแบบนี้ เราก็อยากทำให้ตลาดครึกคื้นขึ้น เลยส่งแคมเปญรวยติดล้อกับเบทาโกรออกมา ปีนี้จะแจกรถขายไส้กรอกทั้งหมด 10 คัน เป็นการกระตุ้นยอดขายไปที่ผู้ขายโดยตรง แถมต่อยอดสินค้าจากตัวแทนจำหน่ายของเรา คือขายทำให้ขายดีกันไปทั้งเชน และอย่างที่รู้กันคือเราเน้นเรื่องของคุณภาพอย่างมาก ตอนนี้ผู้บริโภคยอมจ่ายในราคาที่แพงขึ้นอีกนิด แต่ได้ของที่พรีเมี่ยมมากกว่า”
ประถิมา อุเทนพิทักษ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สำนักการตลาด เครือเบทาโกร ยังเล่าให้ฟังอีกว่า จากการคำนวณมูลค่าของตลาดไส้กรอกทั้งหมดจะอยู่ที่ 3.4 หมื่นล้านบาท แบรนด์ผู้เล่นในตลาดส่วนใหญ่เติบโตโดยทั่วไปอยู่ที่ 3 – 4% แต่ Betagro เติบโตอยู่ที่ปีละ 9 – 10% ในด้านส่วนแบ่งตลาด (market share) ของ Betagro อยู่ที่ 15%
“ตลาดนี้แข่งขันกันที่รสชาติ และความหลากหลายของสินค้า จะเห็นได้ว่าเราส่งสินค้าใหม่ๆ ออกมาสู่ตลาดอยู่เสมอ อย่างล่าสุดก็เป็นไส้กรอกหนังบางกรอบ-สีเหลืองทอง ส่วนการตลาดเราเล่นทุก segment แต่ถ้าแบ่งสัดส่วนจะได้เป็น Grade B และ C มากกว่า 50% ส่วนที่เหลือเป็น Grade A ขึ้นไป แต่ปัจจัยที่สำคัญคือการขายกับตัวแทนจำหน่าย เพราะฉะนั้นในรอบนี้การขยายฐานให้ทั่วภูมิภาคด้วยรถขายไส้กรอกทอด จะเป็นการขยายต่อให้กับตัวแทนจำหน่ายของเราด้วย”
ยกระดับรถขายไส้กรอกทอด เน้นตลาดสด-หน้าโรงเรียน-แหล่งชุมชน
สิ่งที่ Betagro เน้นอย่างมากคือ “ความพรีเมี่ยม” การส่งแคมเปญแจกรถขายไส้กรอกทอดจึงนับเป็นความพยายามในการยกระดับรถขายไส้กรอกทอดลงสู่ตลาด เพราะถ้าเปิดตัวเลขดูสัดส่วนช่องทางการขายของ Betagro จะอยู่ที่ 70 – 75% เป็นตลาดสด (แน่นอนว่า ฐานใหญ่คือตลาดตามภูมิภาคและต่างจังหวัด) ส่วนที่เหลืออีก 25 – 30% เป็นตลาด Modern Trade
“รถขายไส้กรอกทอดอยู่หน้าโรงเรียน โรงเรียนไหนไม่มี นั่นคือโอกาสที่เราจะขยายออกไปให้มีให้ได้ แต่ต้องมี know how ด้วย เราคิดแม้กระทั่งว่าจะออกแบบอย่างไรให้เลี้ยวแล้วทรงตัวได้ดี ไม่ล้ม สำหรับรถคันนี้ ถ้าราคาแบบสำเร็จรูปเลยจะตกอยู่ที่คันละ 1 แสนบาท แต่ถ้าลูกค้าที่มีรถมอเตอร์ไซค์อยู่แล้ว และต้องการก็เพียงต่อทางเบทาโกรมา ราคาก็จะถูกลงอีก”
ในด้านงบประมาณการตลาดที่ Betagro ใช้ในทุกสินค้าของปีนี้ทั้งแคมเปญ หนังออนไลน์ โฆษณาและอื่นๆ ตกอยู่ที่ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท ส่วนเป้ารวมในปีนี้จะโตที่ 15% แต่ในท้ายที่สุดแม้ว่ายอดขายจะเท่าเดิม แต่ในกลุ่มไส้กรอกเรา project ให้โต 7 – 8% อย่างแน่นอน
สรุป
ในตลาดไส้กรอกที่มีมูลค่ากว่า 3.4 หมื่นล้าน แผนของ Betagro ที่ครองส่วนแบ่งตลาดอยู่ 15% ในปีนี้คือการส่งแคมเปญ “รวยติดล้อ” โดยเน้นไปที่การยกระดับรถขายไส้กรอกทอดให้ดูพรีเมี่ยมทั้งตัวรถและตัวไส้กรอก เพื่อตีตลาดให้ครอบคลุมทั่วประเทศ
ส่วนการเน้นสินค้าพรีเมี่ยมของ Betagro นั้น การทำตลาดใน Modern Trade ถือว่าไม่ใช่ปัญหา เพราะสินค้าในระดับ Grade A สามารถขายได้สบายอยู่แล้ว แต่ในตลาดสด หรือตลาดตามภูมิภาคที่ผู้เล่นในสินค้า Grade C รายอื่นๆ ได้ครองสัดส่วนไว้สูงมาก ทำให้ Betagro ต้องรุกตลาดนี้อย่างหนัก เพราะถ้าเทียบราคากันแล้ว ไส้กรอกของ Betagro จะมีราคาที่สูงกว่าราคาตลาดที่ประมาณ 5 – 15% แต่อย่างไรก็ดี เอาตามที่ Betagro ได้เชื่อมั่นและบอกเอาไว้ว่า “ตอนนี้ผู้บริโภคยอมจ่ายในราคาที่แพงขึ้นอีกนิด แต่ได้ของที่พรีเมี่ยมมากกว่า” ส่วนเราก็จับตาดูกันต่อไป
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา