ตลาดปิ้งย่างร้อนแรงยิ่งขึ้น เมื่อเจ้าตลาดทั้งสอง “บาร์บีคิวพลาซ่า” ตัวจริงเรื่องปิ้งย่างและ “เลย์” ผู้นำวงการมันฝรั่งทอดกรอบในไทย รุกกลยุทธ์ Collaboration Marketing เปิดตัวแคมเปญ “ผสานความอร่อยเข้มข้นคูณสอง ของตัวจริงเรื่องปิ้งย่าง และตัวจริงมันฝรั่งทอด” นำจุดเด่นของทั้งสองแบรนด์มา Collab แบบ 360 องศา เน้นสร้างสีสันตลาดให้สนุก ตอกย้ำการรับรู้ของผู้บริโภค เพิ่มฐานลูกค้าสองแบรนด์ให้โตขึ้น
เลย์มันฝรั่งทอดสูตรน้ำจิ้มบาร์บีคิวพลาซ่า 2 รสชาติ เสริมฐานลูกค้าใหม่ทั้งสองแบรนด์
รัฐ ตระกูลไทย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการตลาด บริษัท ฟู้ดแพชชั่น จำกัด เปิดเผยว่า สภาพตลาดอาหารรูปแบบปิ้งย่าง เริ่มมีการแข่งขันที่สูงขึ้น ทั้งกลยุทธ์เรื่องของราคาที่หลายๆ ร้านเลือกใช้ แต่บาร์บีคิวพลาซ่า เลือกใช้กลยุทธ์ที่จะสร้าง Innovation ทั้งเรื่องของการปรับปรุงบริการ การสร้างแคมเปญที่สร้างสีสันความสนุก อย่าง “Flash Sale กล้า ท้า คีบ” ที่ท้าลูกค้าคีบกุ้งได้ไม่จำกัดภายในระยะเวลาที่กำหนด ไม่ได้ลงมาเล่นสงครามราคาอย่างที่หลายๆ ร้านทำกัน
“การที่มาจับมือกับเลย์ ในการ Collaboration เรามองเห็นว่าเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะสามารถเข้าใกล้ผู้บริโภคได้ง่ายขึ้น ซึ่งฐานลูกค้าหลายๆ กลุ่มที่เรายังไปไม่ถึง ด้วยช่องทางการจัดจำหน่ายของเลย์ที่มีอยู่ทั่วประเทศ รวมถึงโอกาสการขยายแบรนด์ สร้างการรับรู้บาร์บีคิวพลาซ่าผ่านมันฝรั่งทอดกรอบเลย์สองรสชาติใหม่ ทั้ง เลย์ รสน้ำจิ้มบาร์บีคิวพลาซ่า หรือ เลย์ รสบาร์บีกอนพ่นไฟ ให้ได้รสชาติของน้ำจิ้มที่เป็นเอกลักษณ์กว่า 37 ปีของบาร์บีคิวพลาซ่า รวมไปถึงยังเป็นการสร้างประสบการณ์ใหม่ให้ลูกค้าได้ชิมมันฝรั่งทอดกรอบรสชาติน้ำจิ้มบาร์บีคิวพลาซ่าที่แตกต่างที่เคยกิน”
พรรณทิพา พงศ์ชัยฤกษ์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด ผลิตภัณฑ์เลย์ บริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด เผยข้อมูลเพิ่มเติมว่า ในปีที่ผ่านมาตลาดขนมขบเคี้ยวโตขึ้น 5% หากแยกเฉพาะของตลาดมันฝรั่งทอดกรอบมีทิศทางปรับตัวเพิ่มขึ้น ในส่วนของเลย์เราได้ทำการตลาด สร้างการรับรู้แบรนด์อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้แบรนด์มีความน่าสนใจตลอดเวลา เป็นโอกาสที่สินค้ากลุ่มมันฝรั่งทอดกรอบจะมีสัดส่วนส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นในกลุ่มตลาดขนมคบเคี้ยว สำหรับกลยุทธ์การตลาดแบบ Collaboration Marketing ที่ผ่านมาทางเลย์ได้ทำร่วมแคมเปญรูปแบบนี้กับหลายๆ แบรนด์อย่างต่อเนื่อง เพื่อมองหาความแตกต่าง และสร้างสีสันใหม่ๆ ให้กับแบรนด์ รวมไปถึงหาฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ที่เรายังอาจจะเข้าไม่ถึง
“เลย์ รสน้ำจิ้มบาร์บีคิวพลาซ่า หรือ เลย์ รสบาร์บีกอนพ่นไฟ ใช้เวลาพัฒนาสูตรประมาณ 6-8 เดือน โดยมีการเทสสินค้าร่วมกันจากทั้งสองฝ่าย จนมั่นใจว่ารสชาติเหมือนมากินที่ร้านบาร์บีคิวพลาซ่าจริงๆ เป็นการส่งต่อรสชาติไปยังผู้บริโภคที่อาจยังไม่เคยลิ้มลอง บาร์บีคิวพลาซ่า ให้เพิ่มโอกาสได้มาเป็นลูกค้าบาร์บีกอนที่สาขาจริงๆ โดย เลย์ทั้งสองรสชาติวางจำหน่ายที่ 7-Eleven ทั่วประเทศในรูปแบบ Limited Edition ถึงสิ้นเดือนสิงหาคม 2567”
Cross branding ได้ประโยชน์ทั้งคู่
รัฐ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า การ Collaboration ไม่ได้โฟกัสที่ยอดขายเป็นหลัก แต่สิ่งที่ได้จริงๆ คือการนำคาแรคเตอร์ของแบรนด์ทั้งบาร์บีคิวพลาซ่า โดยมีตัวบาร์บีกอน รวมไปถึงเลย์ที่มีแต่ความสนุก สร้าง engagement ร่วมกัน โดยสาขาสยามสแควร์วัน จะตกแต่งร้านเป็น Store Model for Collaboration นำสีสันและความสนุกระหว่างบาร์บีคิวพลาซ่าและเลย์ มาตกแต่งร้าน และอีก 20 สาขาหลัก จะวางเลย์รสชาติใหม่พร้อมดิสเพลย์ไปตั้งหน้าร้าน เพื่อตอกย้ำ Co-Branding แข็งแรงมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงการทำการตลาดแบบ 360 องศาที่เราจะให้ผู้บริโภคได้เห็นแคมเปญนี้ โดยเฉพาะผ่านช่องทางออนไลน์อย่างต่อเนื่อง
“ทั้งสองแบรนด์ต่างมีฐานลูกค้าที่อายุ พฤติกรรม ความชอบใกล้เคียงกัน ผู้ที่บริโภคเลย์ที่มักจะชอบสังสรรค์ ปาร์ตี้กันเป็นกลุ่ม กลุ่มลูกค้าบาร์บีคิวพลาซ่า ที่จะชอบ sharing moments ระหว่างการกิน การที่ได้มา Collaboration กันจะเสริมฐานลูกค้าทั้งสองฝ่ายที่ยังขาดซึ่งกันและกัน สร้างประสบการณ์มื้ออาหารรูปแบบใหม่ๆ ซึ่งผลพลอยได้คือยอดขายที่กลับมาของลูกค้าใหม่ของฝั่งเลย์ที่มาลองบาร์บีคิวพลาซ่า และบาร์บีคิวพลาซ่าก็จะได้กลุ่มลูกค้าใหม่ที่ยังไม่เคยได้ลิ้มลอง”
ความท้าทายตลาดปิ้งย่าง 9,000 ล้านบาท
เมื่อปีที่ผ่านมา บาร์บีคิวพลาซ่ามีรายได้ประมาณ 3,500 ล้านบาท ปีนี้ตั้งเป้าโตขึ้นเป็น 3,800 ล้านบาท โดยมูลค่าตลาดปิ้งย่างที่ทรงตัวที่ 9,000 ล้านบาท โดยมีแคมเปญการตลาดเฉลี่ยปีละ 8-10 แคมเปญ เราจะได้เห็นแคมเปญอื่นๆ นอกจากการ Collaboration ร่วมกับเลย์ ที่ได้นำรสชาติของเลย์บาร์บีคิว ที่เป็น Top 3 ของเลย์ที่ขายดีที่สุดนำมารังสรรค์เมนูเซตหมู “The Extra BBQ ซอสยิ่งเข้ม BBQ ยิ่งข้น” เพื่อชวนลูกค้ากลับเข้าร้าน ซึ่งกลุ่มลูกค้าขาประจำเหล่านี้ ชื่นชอบในการลองเมนูใหม่ๆ ที่ทางร้านคิดค้นขึ้นมา โดยจำกัดเวลาแคมเปญนี้ไว้ประมาณ 1 เดือน
ส่วนฐานสมาชิกของบาร์บีคิวพลาซ่ามีประมาณ 2.9 ล้านราย เป็น active user ประมาณ 1.5 ล้านราย โดยภายในสิ้นปีนี้ตั้งเป้าจะมีสมาชิก 3.2 ล้านราย ซึ่งการมีฐานสมาชิก เราใช้ data analysis สามารถแบ่งลูกค้าได้ 11 ฐานลูกค้า ซึ่งการออกแบบโปรโมชัน หรือแคมเปญต่างๆ เราก็อาศัยข้อมูลจากฐานสมาชิกมาเป็นส่วนประกอบในการคิดค้นแคมเปญต่างๆ ให้ตรงใจลูกค้ามากที่สุด ซึ่งในแต่ละครั้งจะทำให้ลูกค้าเก่ากลับมาใช้บริการเฉลี่ย 10-20%
ในขณะเดียวกัน บาร์บีคิวพลาซ่า ก็เล็งหาตลาดใหม่ๆ อย่างตลาดต่างจังหวัด โดยเฉพาะหัวเมืองใหญ่ ที่เริ่มใช้ บาร์บีกอน เข้าไปมีส่วนร่วมกับกิจกรรม ประเพณีท้องถิ่น และยังได้เสริมการถึงฐานลูกค้าใหม่ๆ โดยนำ ‘GON Food Truck‘ ไปยังที่พื้นที่ตลาดนัดท้องถิ่น ดัดแปลงเมนูต่างๆ ให้ง่าย เข้าถึงลูกค้าได้ รวมไปถึง GON EXPRESS ที่ให้บริการในปั้มน้ำมัน ซึ่งทั้งหมดจะทำให้เรียนรู้พฤติกรรมผู้บริโภคถึงความต้องการในแต่ละพื้นที่ รวมไปถึงการทดลองตลาดในแต่เมนูใหม่ที่จะสามารถต่อยอดไปในสาขาหลักที่มีทั่วไทยกว่า 150 สาขา
หรือแม้กระทั่งสาขาที่ให้บริการแบบ Digital Dine-in สร้างประสบการแบบดิจิทัลที่ลูกค้าจะสามารถสั่งอาหาร รวมไปถึงการชำระเงินผ่านมือถือได้อย่างง่ายดาย ทำให้พนักงานที่สาขามีเวลามากขึ้น และผลพลอยได้คือพนักงานมาสามารถให้บริการได้อย่างเต็มที่ มีคุณภาพมากขึ้น โดยตอนนี้มีสาขาแบบ Digital Dine-in 10 สาขา และจะเพิ่มขึ้นเป็น 30 สาขาภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งเชื่อว่าแนวทางการทำการตลาดทั้งหมดที่เราได้ทำไป จะทำให้บาร์บีคิวพลาซ่า จะสามารถครอง Top of mind ร้านอาหารปิ้งย่างได้อย่างต่อเนื่อง รักษาการเติบโตและรายได้ไว้ได้ 10-20% หรือรายได้ต่อหัวเฉลี่ยประมาณ 300-400 บาท หรือ 1,000 บาทต่อโต๊ะ ซึ่งถือว่าค่าเฉลี่ยค่อนข้างสูงในอุตสาหกรรมเดียวกัน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: บาร์บีคิวพลาซ่า ขายน้ำจิ้มในซูเปอร์มาร์เก็ต เริ่มที่ กูร์เมต์ มาร์เก็ต หวังยอดขาย 50 ล้านบาท, BarBQPlaza
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา