ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ชี้แจงสาเหตุที่ค่าเงินบาทได้แข็งค่าจนหลุดระดับ 30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ สาเหตุใหญ่ๆ มาจากผู้ประกอบการเร่งทำธุรกรรมรวมไปถึงสภาพคล่องตลาดที่น้อยด้วย
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ออกมาชี้แจงหลังจากที่ค่าเงินบาทของไทยได้แข็งค่าขึ้นจนหลุดระดับ 30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยจุดแข็งค่าสุดของเงินบาทในรอบปีนี้อยู่ที่ 29.795 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐเมื่อเช้านี้ สร้างความแตกตื่นให้กับนักธุรกิจรวมไปถึงประชาชนทั่วไป เนื่องจากเศรษฐกิจของไทยพึ่งพาการส่งออกและท่องเที่ยวเป็นสำคัญ ขณะเดียวกันค่าเงินบาทนับตั้งแต่ต้นปีแข็งค่ากว่าดอลลาร์สหรัฐเกิน 7% ไปแล้ว
- หลุด 30 เรียบร้อยรับสิ้นปี ค่าเงินบาทล่าสุดอยู่ที่ 29.90 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐแล้ว
- มุมมองผู้ว่าแบงก์ชาติเกี่ยวกับค่าเงินบาทแข็งค่า แนะให้ผู้ประกอบการป้องกันความเสี่ยง
- สู้บาทแข็ง! ธนาคารแห่งประเทศไทย ปรับเกณฑ์ให้เงินทุนไหลออกได้ง่ายมากกว่าเดิม
โดยทาง ธปท. ได้ชี้แจงผ่านทาง Facebook ว่า อัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยอ้างอิง (THBREF) ของวันที่ 30 ธันวาคม 2562 อยู่ที่ 30.12 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แต่ในช่วงบ่ายของวันดังกล่าว ค่าเงินบาทผันผวนกว่าปกติโดยแข็งค่าต่ำกว่าระดับ 30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ก่อนปิดตลาด ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวที่ไม่สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐาน
สาเหตุสำคัญที่ ธปท. ชี้แจงคือ ผลจากการเร่งทำธุรกรรมก่อนสิ้นปีของผู้ประกอบการบางรายในสภาวะที่ตลาดมีสภาพคล่องต่ำ ความต้องการซื้อและขายเงินตราต่างประเทศไม่สมดุลในช่วงก่อนวันหยุดสิ้นปี นอกจากนี้ยังเป็นผลจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ เทียบกับสกุลเงินภูมิภาคในช่วงปลายปีด้วย
นอกจากนี้ ธปท. มีมุมมองว่า หลังจากผ่านช่วงวันหยุดยาวไปแล้ว สภาพคล่องของตลาดจะกลับสูงขึ้นเป็นปกติ ธุรกรรมจะสมดุลมากขึ้นระหว่างฝั่งซื้อและขายเงินตราต่างประเทศ และความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนจะลดลงทั้งนี้ธนาคารแห่งประเทศไทย จะดูแลการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิดให้สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐาน ขออย่าได้ตกใจกับความผันผวนระยะสั้นของอัตราแลกเปลี่ยนในช่วงเวลาก่อนสิ้นปีที่ปริมาณธุรกรรมเบาบาง
ล่าสุด ณ เวลา 15:56 อัตราแลกเปลี่ยนของค่าเงินบาทราคาซื้อขาย ณ ตลาดโลก อยู่ที่ 29.855 บาทต่อดออลาร์สหรัฐ
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา