ต่างชาติบอก กรุงเทพฯ เหมือนบ้าน อยู่หรูหราได้ ถ้ามีเงินใช้ 3 แสนบาทต่อเดือน

ชาวต่างชาติ อาชีพนักธุรกิจ วัย 41 ปี รายนี้ชื่อว่า Jesse  Schoberg บอกว่าชีวิตเขาเกิดและเติบโตที่รัฐวิสคอนซิน สหรัฐอเมริกาเขาบอกว่าชีวิตเขาต้องการที่จะออกเดินทางเพื่อสำรวจโลกเสมอ เขาใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศมาแล้วอย่างน้อย 14 ปี กว่า 40 ประเทศและไม่มีแผนที่จะกลับไปใช้ชีวิตในอเมริกาในเร็วๆ นี้

Bangkok-likes-home-of-foreigners-c

ทักษะสำคัญของเขาก็คือการ Coding หรือพูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์นั่นเองและทำธุรกิจในการออกแบบและพัฒนาเว็บไซต์ (ใครอยากเข้าใจเรื่อง Coding ก็ลองอ่านอันนี้ได้ ไทยเพิ่งจับมือร่วมมือกับเกาหลีเหนือพัฒนาเทคโนโลยีด้วยกันเร็วๆ นี้เอง)

ยังไม่จบแค่นี้ Schoberg เล่าว่า เขาเริ่มมองหาการใช้ชีวิตต่างประเทศในวัย 27 ปี (ปัจจุบัน 41) โดยเริ่มชีวิตที่ปานามาก่อนเลยเป็นอันดับแรก เขาบอกว่าเป็นการพักผ่อนที่ดีที่สุดในชีวิตเขาเลย เขาย้ายไปอยู่ปานามาปี2008 และใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นราว 6 ปี เขาใช้ชีวิตและเดินทางตลอดเวลาแบบ digital normad ทั่วไป ตอนนี้เขาเริ่มย้ายมาอยู่ไทยในเดือนธันวาคม ปี 2021 แชร์อพาร์เมนท์ร่วมกับคู่หมั้นสาว

เขาบอกคุณภาพชีวิตของเขาในไทย ถ้าเทียบกับสหรัฐอเมริกาถือว่าดีกว่ามากถึง 90% ไม่เครียดและยังเป็นชีวิตที่หรูหราอีกด้วย เขาบอกว่า เมื่อมาเยือนกรุงเทพฯ ครั้งแรก มันให้ความรู้สึกเหมือนที่เมืองปานามาเลย เขารู้ทันทีเลยว่า กรุงเทพฯ ก็คือ ปานามา 2.0 หรือปานามาเวอร์ชั่นสองนั่นเอง

Schoberg เป็นทั้งผู้ประกอบการและ CEO มีเงินเดือนประมาณ 2.3 แสนเหรียญสหรัฐต่อปี หรือประมาณ 8.2 ล้านบาทไทย ค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ของเขาหมดไปกับที่พักราวๆ 2,710 เหรียญสหรัฐหรือประมาณ 9.6 หมื่นบาทต่อเดือน (อ่านไม่ผิดนะ) อพาร์ทเมนท์ 1 ห้องนอน มียิมส่วนตัว มีสระว่ายน้ำ มี Co-working space มีร้านอาหารและมีบริการทำความสะอาดทุกวัน

Bangkok

Schoberg กับ Jannie (แฟนสาว) ใช้เงินสำหรับทานอาหารนอกบ้านประมาณ 1,900 เหรียญสหรัฐหรือ 67,928 บาทต่อเดือน ส่วนใหญ่ก็ออกไปทานข้างนอก บ่อยครั้งก็สั่งอาหารจากแอปเดลิเวอรี่เข้ามาทานที่บ้าน อาหารที่ชอบทานคือข้าวซอย (ที่กำลังโด่งดังตอนนี้น่ะแหล่ะ) ต้มข่าไก่ และผัดกระเพรา มื้ออาหารที่เขาทานตกราคา 2-3 เหรียญสหรัฐหรือประมาณ 70-107 บาท

เขาบอกอาหารไทยนี่เลิศมากเลยล่ะ อร่อยกว่าทุกชาติในโลกนี้แค่รอบๆ อพาร์ทเมนท์เขาก็ยังมีร้านขายแซนวิชจากเบลเยียม บาร์บีคิวเกาหลี เขายังใจดีแจกแจงค่าใช้จ่ายให้เราดูด้วยว่าเฉพาะแค่เดือนมิถุนายน เขาใช้จ่ายยังไง ดังนี้

  • ค่าที่พัก 2,709.52 เหรียญสหรัฐหรือ 96,870 บาท
  • ค่าอาหาร 1,900.52 เหรียญสหรัฐหรือ 67,947 บาท
  • ค่าเดินทาง 197 เหรียญสหรัฐหรือ 7,043 บาท
  • ค่าโทรศัพท์ 40 เหรียญสหรัฐหรือ 1,430 บาท
  • ค่าประกันสุขภาพ 280.39 เหรียญสหรัฐหรือ 10,024.50 บาท
  • ค่าสมัครสมาชิก (Subscription) 78.48 เหรียญสหรัฐหรือ 2,805 บาท
  • ค่าใช้จ่ายเพื่อสินค้าฟุ่มเฟือย 2,669.37 เหรียญสหรัฐหรือ 95,435 บาท
  • รวมๆ ประมาณ 7,875.28 เหรียญสหรัฐหรือ 281,557 บาท
    รวมๆ ประมาณ 2.8 แสนบาท หรือสองแสนแปดหมื่นหนึ่งพันห้าร้อยห้าสิบเจ็ดบาท

ถ้าหักค่าใช้จ่ายทั้งหมด 2.8 แสนบาทต่อเดือนจากรายได้รายปีที่เขาต้องได้ราว 8.2 ล้านบาทต่อปี หรือมีเงินใช้รายเดือนประมาณ 6.3 แสนบาทต่อเดือน เมื่อหักค่าใช้จ่ายหลังจากใช้ชีวิตราว 3 แสนบาทต่อเดือนในกรุงเทพฯ แล้ว
เขายังมีเงินเหลือเก็บประมาณ 3.3 แสนบาท รวมแล้ว 1 ปีจะมีเงินเหลือเก็บราว 3.96 ล้านบาทต่อปีหรือเกือบ 4 ล้านบาทต่อปี

ยังไม่จบแค่นี้ เขาบอกวัฒนธรรมคนไทยคือเป็นมิตรมากและก็สบายๆ ไม่เคร่งเครียด เขาบอกว่าการเรียนภาษาไทยทำให้เขาใช้ชีวิตได้เปรียบฝรั่งคนอื่นมากขึ้น เขาเข้าเรียนภาษาไทยทุกสัปดาห์ ค่าใช้จ่าย 269.44 เหรียญสหรัฐต่อเดือนหรือประมาณ 9,633 บาท ตอนนี้เขาก็มองว่ากรุงเทพฯ คือบ้านของเขา ส่วนบ้านหลังที่สองคือเม็กซิโก

ที่มา – CNBC

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา