รู้จักโปรเจค Bakong ระบบธุรกรรมดิจิทัลของกัมพูชา ที่เกิดมาเพื่อลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์

ระบบ Bakong ของกัมพูชาเป็น 1 ใน 2 แพลตฟอร์มดิจิทัลเคอเรนซี่ที่สนับสนุนโดยธนาคารแห่งชาติในโลก เน้นโปรโมทสกุลท้องถิ่นเรียล ลดการพึ่งพาดอลลาร์สหรัฐ

เกี่ยวกับโปรเจค Bakong

กัมพูชาเป็นหนึ่งในสองประเทศที่มีโปรเจค Central Bank Digital Currency (CBDC) ที่ใช้งานเต็มที่แล้วในปัจจุบัน ซึ่งอีกหนึ่งโปรเจคคือ “Sand Dollar” ของบาฮามาส โดย Bakong เปิดตัวเร็วกว่าดิจิทัลหยวนของจีน และ ดิจิทัลยูโร ของสหภาพยุโรป

โปรเจคบากองเปิดตัวไปในปี 2020 พัฒนาโดยธนาคารแห่งชาติของกัมพูชา (NBC) และบริษัทบล็อกเชน Soramitsu จากญี่ปุ่น โดยมีเป้าหมายในการส่งเสริมการใช้สกุลเงินท้องถิ่น “เรียลกัมพูชา” และลดการพึ่งพาการใช้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ

Chea Serey ผู้อำนวยการของ NBC อธิบายว่า “บากองเริ่มจากความต้องการที่จะรวบรวมระบบจ่ายเงินต่างๆ ในกัมพูชามาไว้ในที่เดียว”

ผู้ใช้งานปัจจุบันของแอป Bakong อยู่ที่ 2 แสนคน ซึ่งเติบโตกว่า 3 เท่าภายใน 3 เดือน ผู้ใช้สามารถทำธุรกรรมกับคนกว่า 5.9 ล้านคนในประเทศได้ เมื่อรวมสมาชิกของธนาคารพันธมิตรในประเทศเข้ามาด้วย

ในช่วงต้นปี 2021 มีธุรกรรมเกิดขึ้นผ่านระบบ Bakong ประมาณ 1.4 ล้านรายการ มูลค่าร่วม 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (1.66 หมื่นล้านบาท)

Chea ชี้ว่าสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ประชาชนหันมาใช้งานระบบจ่ายเงินออนไลน์กันมากขึ้น และระบบ Bakong ก็กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง

โดย Bakong ทำให้ประชาชนชาวกัมพูชาใช้จ่ายหรือโอนเงินได้ผ่านตัวแอป โดยไม่ต้องใช้เงินสด และรองรับการใช้เงินสกุลเรียลและดอลลาร์สหรัฐ ขอเพียงแค่มีเบอร์โทรศัพท์และบัญชีธนาคารเท่านั้น

ตามนิยามแล้ว Bakong ถือว่าเป็นระบบธุรกรรมการเงินระหว่างธนาคารและลูกค้า ซึ่งธุรกรรมทั้งหมดเป็นการโอนเงินดิจิทัล ดิจิทัลเรียล และ ดอลลาร์สหรัฐ ผ่านเทคโนโลยีบล็อกเชน โดยธนาคารแห่งชาติกัมพูชาเป็นผู้รับรองเงินในระบบทั้งหมด จึงถือเป็น CBDC รูปแบบหนึ่ง

โปรโมทการใช้งานสกุลเงินเรียลมากขึ้น

ทาง NBC ต้องการโปรโมทการใช้งานสกุลเงินเรียลให้มากขึ้น และมีเป้าหมายระยะยาวว่าจะใช้แค่สกุลเงินเรียลอย่างเดียวในอนาคต ซึ่ง Bakong ก็เป็นส่วนหนึ่งของการทำให้เป้าหมายนี้สำเร็จเร็วขึ้น

กัมพูชาใช้ระบบสองสกุลเงิน โดยเริ่มนำสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเข้ามาใช้ในประเทศช่วงปี 1980-1990 หลังจากยุคสงครามกลางเมืองจบลง ทำให้มีดอลลาร์สหรัฐอยู่ในการหมุนเวียนมากกว่า 80% ในปี 2014 ซึ่งทาง NBC ก็พยายามลดสัดส่วนนี้ลงมาโดยตลอด ตั้งแต่การเรียกคืนธนบัตรที่มีค่าน้อยกว่า 5 ดอลลาร์ จนถึงโปรเจค Bakong ในปัจจุบัน

ถึงแม้ว่าสกุลเรียลจะถูกใช้มากขึ้นในช่องทางดิจิทัล แต่การลดการใช้งานดอลลาร์สหรัฐต้องมีการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างเข้ามาเกี่ยวด้วย เช่น นโยบายด้านอัตราแลกเปลี่ยนที่มั่นคง อัตราเงินเฟ้อ รวมถึงสิ่งที่จำเป็นต่อการเติบโตของเศรษฐกิจอีกด้วย

การโอนเงินข้ามพรมแดน

NBC กำลังพัฒนาระบบโอนเงินข้ามประเทศผ่าน Bakong อยู่ โดยทำงานร่วมกับธนาคาร Maybank จาก Malaysia และธนาคารแห่งประเทศไทยเช่นเดียวกัน

Chea อธิบายว่า ผู้หญิงกัมพูชาจำนวนมากเดินทางไปทำงานที่มาเลเซียและจำเป็นที่จะมี “วิธีการส่งเงินไปให้ครอบครัวที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ” ซึ่ง Bakong จะช่วยให้ผู้หญิงรู้สึกมีอำนาจในการจัดการการเงินของตัวเองได้มากขึ้น และไม่ต้องพึ่งพาคนอื่น

กระแสต่อต้านคริปโต

ในขณะที่ธนาคารกลางทั่วโลกกำลังเร่งพัฒนา CBDC กัน ความปั่นป่วนของคริปโตเคอเรนซี่อย่าง Bitcoin ก็ทำให้หน่วยงานรัฐต้องเข้ามากำกับวงการนี้มากขึ้น

ทาง Chea ก็ย้ำเสมอว่า Bakong ไม่ใช่สกุลเงินดิจิทัล แต่เป็นเพียงระบบที่ทำให้ธุรกรรมการเงินผ่านดิจิทัลเคอเรนซี่เป็นไปได้เท่านั้น

ที่มา – Asia Nikkei

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา