รถยนต์สำหรับคนไทยไม่ใช่แค่ยานพาหนะ แต่เป็นสถานะทางสังคม แถมตลาดก็ไม่ใช่เล็กๆ B-Quik ประเมินว่ามีประมาณ 8 – 10 ล้านคันที่วิ่งอยู่บนถนน แล้วถ้าต้องเปลี่ยนยางสักครั้ง สินค้า High-end ก็เป็นทางเลือกแรกๆ
ภาพลักษณ์คือสิ่งสำคัญของคนไทย ยางรถต้องมีแบรนด์
ประเทศไทยตลาดขนาดใหญ่อันดับ 2 ของรถยนต์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ Nikkei Asian Review มองว่า เจ้าของรถยนต์ชาวไทยมีความยินดีที่จะใช้จ่ายกับการตกแต่งอุปกรณ์ราคาสูง โดยเฉพาะล้อยางรถยนต์
Ichiro Tsuzuku ประธานของ B-Quik บอกว่า “คนไทยให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์ สินค้ากลุ่ม High-end แม้ว่าจะแพงกว่า แต่ก็ขายดีกว่า”
- อย่างเช่นยาง Michelin ที่มีราคา 4,890 บาท เทียบกับยางประเภทเดียวกันที่เป็นแบรนด์โนเนมราคาประมาณ 2,690 บาท แม้จะถูกกว่า 40% แต่ความนิยมของบางที่มีแบรนด์โด่งดังก็ไม่ได้รับความนิยมน้อยลงไปกว่าแบรนด์โนเนมแต่อย่างใด
B-Quik ครองแชร์ในตลาดยางรถยนต์ไทยที่ 20% ตลาดไปได้สวย โดยเฉพาะรุ่นที่มีราคาสูง ปัจจุบัน B-Quik มีสาขาอยู่ในไทย 140 แห่งทั่วประเทศ และมีพนักงานประมาณ 400 คน โดยให้บริการทั้งเรื่อง ยาง การซ่อมบำรุงระบบเบรก แบตเตอรี่ โช้คอัพ ช่วงล่าง ระบบแอร์รถยนต์ เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง และซ่อมรอยแตกกระจกรถยนต์
B-Quik ประมาณการณ์ว่ารถยนต์ในไทยมีประมาณ 8 – 10 ล้านคันที่ใช้งานจริง นอกจากตลาดในกรุงเทพแล้ว ต่างจังหวัดก็มีการขยายตัวของรถยนต์สูงมาก ทำให้ B-Quik วางแผนที่จะขยายออกไปมากขึ้น
ขยายต่างจังหวัด ใช้โมเดลเกาะ Hypermarket
หนึ่งในทางลัดที่ B-Quik ทำได้คือการไปเปิดสาขาใน Hypermarket ต่างจังหวัด ไม่ว่าจะเป็นของ เครือ Central หรือ Tesco Lotus ที่กำลังแข่งกันเปิดสาขาไปทั่วประเทศ B-Quik กำลังใช้โอกาสนี้ในการขยายธุรกิจเช่นกัน ลูกค้ามาช้อปปิ้งก็เอารถยนต์มาเข้าศูนย์บริการไปพร้อมกันเลย
ปีนี้ B-Quik วางแผนไว้ว่าจะเปิดสาขาเพิ่มอีก 10 – 12 แห่งในประเทศไทย
ความท้าทายของ B-Quik
ตลาดไปได้สวยบวกกับตลาดรถยนต์ที่โตขึ้นมาในปี 2016 (หลังจากที่ไม่ได้โตมา 5 ปีแล้ว) แต่ก็มีคู่แข่งใหม่ที่น่ากลัวคือ Autobacs Seven จากญี่ปุ่นที่ไปจับมือกับ PTG Energy โดยประกาศไว้ว่า ภายใน 5 ปีนี้จะขยายสาขาให่ได้ 140 แห่งทั่วประเทศ เพิ่มขึ้นจาก 7 แห่งที่มีอยู่ตอนนี้ ถือเป็นการประกาศศึกผู้ให้บริการศูนย์รถยนต์ที่ชัดเจน
อย่างไรก็ตาม Marubeni จากญี่ปุ่น คือผู้ถือหุ้นรายใหญ่ใน B-Quik ถึง 90%
ที่มา – Nikkei Asian Review
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา