ในช่วงปีแรกของการระบาด ทั่วโลกชื่นชมถึงความสามารถในการจัดการกับโควิดของหลายประเทศในเอเชียแปซิฟิก แต่ตอนนี้เหมือนจะจัดการโควิดได้ไม่ค่อยอยู่มือเสียแล้ว
ช่วงแรกมีนโยบายจัดการโควิดอย่างเด็ดขาดและมีประสิทธิภาพ
การล็อคดาวน์อย่างเข้มงวด ซึ่งต่อมาก็ได้เป็นแนวทางปฏิบัติให้กับประเทศอื่น เช่น การปิดพรมแดนประเทศ ซึ่งทำได้ง่ายเพราะส่วนใหญ่มีภูมิประเทศเป็นเกาะ
ออสเตรเลียถึงขั้นแบนคนของประเทศตัวเองไม่ให้กลับเข้ามาเพราะกลัวจะนำเชื้อไวรัสเข้ามาด้วย
เมื่อเกิดการแพร่ระบาดก็มีการติดตามผู้สัมผัสกับผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดเป็นวงกว้าง แม้จะพบผู้ติดเชื้อรายเดียวก็ตาม
เอเชียถูกท้าทายด้วยการระบาดระลอกใหม่
หลังเกิดการระบาดระลอกใหม่ ประเทศแถบเอเชียก็ถูกท้าทายด้วยเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ที่ยากจะรับมือด้วยมาตรการแบบเดิม
การระบาดรอบใหม่ยิ่งเพิ่มโอกาสการติดเชื้อ เนื่องจากได้เริ่มผ่อนคลายมาตรการไปบ้างแล้ว เช่น เวียดนามผ่อนปรนระยะเวลากักตัวให้กับนักบิน หลายประเทศจึงต้องเจอศึกหนักอีกรอบ
ในช่วงเดียวกับการระบาดระลอกใหม่ในประเทศแถบเอเชีย ตัดภาพไปยังประเทศทางฝั่งตะวันตกก็ทยอยฉีดวัคซีนให้กับประชาชนได้เป็นจำนวนมาก และหลายประเทศในยุโรปมีประกาศเปิดประเทศออกมาแล้ว
- แคลิฟอร์เนียทุ่มเงิน กระตุ้นคนฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 รวม 3.6 พันล้านบาท
- Biden เตรียมบริจาควัคซีนต้าน COVID-19 ให้โลกใช้ 80 ล้านโดส
เอเชียมีความเด็ดขาดในช่วงแรก แต่เมื่อมีวัคซีนกลับเป็นรองตะวันตก
การจัดหาวัคซีนที่ช้ากว่าในฝั่งเอเชียจึงเกิดเป็นเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นผลจากแผนการจัดการที่ไม่เป็นรูปธรรม
หลายประเทศยังแจกจ่ายวัคซีนได้ไม่ถึง 1 ใน 4 ของประชากร นอกจากวัคซีนที่ล่าช้ายังเจอปัญหาประชาชนไม่ไว้ใจประสิทธิภาพการทำงานด้านสาธารณสุขของประเทศ และไม่เชื่อในประสิทธิภาพของวัคซีน ซึ่งยิ่งทำให้กระบวนการจัดสรรวัคซีนช้าลงไปอีก
มีให้ข้อเสนอว่าหากประเทศเหล่านี้ต้องการจะเปิดประเทศจะต้องปรับความเข้าใจใหม่ก่อน ว่าโควิดไม่มีวันหายไปอย่างสิ้นเชิง แต่ทุกประเทศควรปรับตัวด้วยการอยู่กับโรคนี้ให้ได้
ที่มา: BBC
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา