ขณะที่คนอื่นไปไกลแล้ว Apple ยังคงงมโข่งกับรถยนต์ไร้คนขับ ล่าสุดพัฒนาใช้แค่รับส่งพนักงาน

แม้จะก่อตั้งโครงการพัฒนารถยนต์ไร้คนขับมาตั้งแต่ 4 ปีก่อน แต่ด้วยนโยบายที่ไม่ชัดเจน และการเจรจากับค่ายผู้ผลิตรถยนต์ไม่ราบรื่น ทำให้ Apple ล้าหลังเมื่อเทียบกับผู้เล่นอื่นๆ ถึงจะล่าสุดได้จับมือกับ Volkswagen ก็ตาม

Volkswagen Transporter T6 // ภาพโดย Travelarz [CC BY-SA 4.0 (https://creativecommons.org/licenses/by-sa/4.0)], from Wikimedia Commons

โครงการไม่ชัดเจนทำทุกอย่างไม่เดินหน้า

อย่างที่กล่าวไปข้างต้น โครงการพัฒนารถยนต์ไร้คนขับของ Apple นั้นถูกตั้งมาตั้งแต่ 4 ปีก่อน และเหมือนจะเป็นอีกดาวรุ่งของการพัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าว ถึงขนาดเมื่อ 2 ปีก่อนนั้นมีพนักงานที่ดูแลโครงการนี้กว่า 1,000 คน รวมถึงเจรจากับค่ายผู้ผลิตรถยนต์หรู Mercedes-Benz และ BMW เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าวร่วมกันด้วย

แต่สุดท้ายแล้วเหมือนทุกอย่างจะไปไม่รอด เพราะการเจรจากับค่ายรถยนต์ทั้ง 2 รายนั้นไม่คืบหน้า โดยแหล่งข่าวภายในอ้างว่ามาจาก Apple ต้องการควบคุมการพัฒนาข้อมูล และการออกแบบทั้งหมด ประกอบกับความไม่ชัดเจนของนโยบาย ทำให้กระทบต่อจิตใจของทีมงาน และมีคนลาออกไปหลักร้อยคนอีกด้วย

แม้ล่าสุด Apple จะสามารถเจรจากับ Volkswagen เพื่อนำรถตู้ T6 Transport ตัวใหม่มาติดตั้งเทคโนโลยีไร้คนขับของ Apple เข้าไปได้ แต่นั่นก็ใช้แค่เพียงทดลองรับ-ส่งพนักงานภายในของ Apple เท่านั้น ทำให้อนาคตรถยนต์ไร้คนขับของ Apple ค่อนข้างมืดมนเมื่อเทียบกับผู้พัฒนารายอื่นๆ

Waymo's fully self-driving Chrysler Pacifica Hybrid minivan on public roads
รถยนต์ของ Waymo

ตัวอย่างที่ดีคือ Waymo หรือหน่วยธุรกิจรถยนต์ไร้คนขับที่แยกมาจากกูเกิล เพราะปัจจุบันหน่วยธุรกิจดังกล่าวเริ่มนำรถยนต์ไร้คนขับมาขับบนถนนจริงๆ แล้ว รวมถึงกลุ่ม Startup อีกหลายรายที่เริ่มนำรถยนต์ไร้คนขับออกมาวิ่งบนท้องถนนเช่นกัน

ในทางกลับกันถึงหลายโครงการรถยนต์ไร้คนขับจะประสบความสำเร็จ แต่มันก็มีผิดพลาดบ้าง เช่น Uber ที่ก่อนหน้านี้ลงทุนพัฒนารถยนต์ไร้คนขับไปจำนนมาก แต่ล่าสุดก็เพิ่งประกาศว่าจะปิดการบริหารจัดการเทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับที่รัฐ Arizona พร้อมกับปลดพนักงานที่นั่นกว่า 300 ตำแหน่งด้วย

สรุป

เกมรถยนต์ไร้คนขับนั้น นอกจากบริษัทเทคโนโลยีจะรุกตลาดอย่างเต็มที่ ต้องอย่าลืมว่าค่ายผู้ผลิตรถยนต์แต่ละเจ้าก็ซุ่มพัฒนาเจ้าเทคโนโลยีตัวนี้อยู่เหมือนกัน ดังนั้นต้องคอยจับตากลุ่มผู้ผลิตรถยนต์รายเดิมด้วย เพราะพวกเขาแข็งแกร่งในเรื่องการผลิต และเชื่อว่าหลังจากนี้อาจมีการพาร์ทเนอร์กับบริษัทเทคโนโลยีอื่นๆ ก็เป็นได้

อ้างอิง // CNBC

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา