หนักหนาสาหัสจริงๆ สำหรับธุรกิจการบิน ธุรกิจที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวเดินทางทั่วโลก ล้วนได้รับผลกระทบโควิด-19 ทั้งสิ้น ล่าสุด All Nippon Airways หรือ สายการบิน ANA ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นก็เอาไม่อยู่ เริ่มเสนอให้พนักงานลาออกโดยสมัครใจเพื่อจะลดต้นทุนราว 30%
ทั้งนี้ สายการบินสัญชาติญี่ปุ่นอย่าง ANA ก็ได้มีการหารือกับสหภาพแรงงานไว้แล้วเกี่ยวกับรายละเอียดในเรื่องของการจ่ายเงินค่าชดเชย ซึ่งฝ่ายบริหารจัดการก็ต้องการลดต้นทุนที่ต้องจ่ายเป็นค่าแรงให้กับพนักงานทุกเดือนราว 15,000 คน โดยคาดว่าจะสามารถลดต้นทุนได้ราว 30%
แม้ก่อนหน้านี้ ANA เพิ่งจะมีการขออนุมัติเงินกู้วงเงินราว 1 ล้านล้านเยน หรือ 9.4 พันล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 2.94 แสนล้านบาทเมื่อมิถุนายนที่ผ่านมา แต่ก็ไม่สามารถทำให้สถานการณ์ดีขึ้นนัก ทั้งนี้ ANA Holdings ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ ANA ก็ขาดทุนมากถึง 1.08 แสนล้านเยนในช่วงเมษายน-มิถุนายนที่ผ่านมา และได้งดโบนัสพนักงานกว่าครึ่งหนึ่งในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา และยังกล่าวอีกว่าช่วงฤดูหนาวนี้ก็ไร้โบนัสเช่นกัน
การพยายามปรับลดเงินเดือนดังกล่าวถือว่าเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปี ที่มีการตัดสินใจในการดำเนินนโยบายและส่งผลต่อพนักงานโดยตรง นอกจากนี้ยังมีนโยบายที่จะตัดงบกิจกรรมที่จะพัฒนาด้านอาชีพแก่พนักงานเป็นเวลา 2 ปีด้วย ทั้งนี้ ANA ถือเป็นอีกหนึ่งสายการบินที่ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกับหลายสายการบินอื่นๆ ก่อนหน้าที่มีการตัดลดงบประมาณเพื่อประคองสถานการณ์ทางธุรกิจให้ไปต่อได้ท่ามกลางวิกฤตโควิดถาโถม
อย่างไรก็ตาม หลายประเทศกำลังเริ่มผ่อนคลายให้มีการเดินทางระหว่างประเทศมากขึ้น ญี่ปุ่นก็คือหนึ่งในนั้นและเริ่มมีการหารือให้มีการเดินทางเพื่อธุรกิจมากขึ้น มีการเตรียมกลับมาเปิดพรมแดนเพื่อให้นักเดินทางชาวเกาหลีใต้ที่เข้ามาทำธุรกิจในประเทศได้โดยไม่ต้องกักกันโรคเมื่อมาถึง หากพบว่ามีผลตรวจโควิด-19 เป็นลบ
ขณะเดียวกัน สายการบิน JAL ก็ระบุว่า ควรลดข้อจำกัดสำหรับให้ประเทศที่มีอัตราการติดเชื้อต่ำหรือจะมีการกักกันโรคเป็นเวลาสองสัปดาห์ก็ย่อมได้หากนักท่องเที่ยวต้องการ สายการบิน JAL ได้เรียกร้องต่อรัฐบาลให้ผ่อนคลายการเดินทางเข้าประเทศมากขึ้นแล้ว แต่ถ้ามีทางเลือกที่ดีกว่าที่ว่ามานี้ ก็ควรลดจำนวนวันได้ด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ ญี่ปุ่นก็ได้ขยายศักยภาพในการตรวจโรคมากขึ้นแล้ว ปัจจุบันสามารถตรวจโรคได้มากกว่า 10,000 คนต่อวันที่สนามบิน Narita International, Haneda และ Kansai International ซึ่งเป็นสนามบินที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นทั้งสามแห่ง รัฐบาลก็เตรียมที่จะเพิ่มศักยภาพในการตรวจอีกเท่าตัว ซึ่งสายการบิน JAL ก็ระบุว่ามีคนบินเข้าญี่ปุ่นเพียง 1,350 คนเท่านั้นในเดือนกันยายน เพิ่มขึ้น 4% จากเดือนก่อนหน้า
สายการบิน Japan Airlines (JAL) ระบุว่า เขาคาดหวังข้อจำกัดในการเดินทางเข้าประเทศจะลดลง และสายการบินต่างประเทศจะกลับมากระเตื้องดีขึ้น ซึ่งรัฐบาลญี่ปุ่นก็มีประกาศไม่ให้ผู้คนจาก 159 ประเทศเดินทางเข้าญี่ปุ่น ชาวญี่ปุ่นที่เดินทางกลับมาจากประเทศเหล่านี้จะต้องถูกกักกันโรคเป็นเวลา 14 วัน และจะต้องไม่ใช้ขนส่งสาธารณะในช่วงเวลาดังกล่าวด้วย
เมื่อ 1 ตุลาคม ที่ผ่านมา ญี่ปุ่นเริ่มผ่อนคลายข้อจำกัดในการแบนเข้าประเทศ ผู้ที่ต้องการจะพำนักในญี่ปุ่นต่อมากกว่า 3 เดือนเพื่อทำธุรกิจหรือศึกษาก็จะสามารถต่ออายุได้อีก ทั้งนี้ ญี่ปุ่นมีแคมเปญ Go To Travel ที่พยายามทำให้เกิดการท่องเที่ยวภายในประเทศ ก็ทำให้มีเที่ยวบินภายในประเทศมากถึง 70% แต่เที่ยวบินระหว่างประเทศยังอยู่ในระดับต่ำราว 90% ถ้าเทียบกับช่วงก่อนโควิดระบาด
ด้านประธานสายการบิน JAL ระบุว่า จะเริ่มหันมาให้ความสำคัญกับสายการบินภายในประเทศมากขึ้น ลูกเรือจะเสนอให้ทำงานเกี่ยวกับโปรเจกต์ด้านนี้นับพันคน และจะหันมาพัฒนาโครงการที่เป็น non-air business มากขึ้น รายได้ในอีก 4-5 ปีข้างหน้าน่าจะทะลุ 1 แสนล้านเยน หรือประมาณ 942 ล้านเหรียญสหรัฐ ใกล้เคียงกับธุรกิจคาร์โก ธุรกิจที่เขาว่านี้จะเกี่ยวข้องกับภายในประเทศโดยตรง
ที่มา – Nikkei Asia
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา