สหราชอาณาจักรได้ชื่อว่าเป็นศูนย์กลางการเงินยุโรป มีพื้นที่พิเศษอย่าง “The City of London” ตั้งอยู่ใจกลางมหานครลอนดอน เป็นจุดศูนย์กลางแห่งการลงทุนที่ดึงดูดนักลงทุนระดับโลกให้เข้ามาทำธุรกรรมต่างๆ เสมอมา
แต่วันนี้สถานะดังกล่าวสั่นคลอน อัมสเตอร์ดัมแซงลอนดอนกลายเป็นเมืองที่มีการซื้อขายหุ้นมากที่สุดในยุโรปแล้ว
ลอนดอนร่วงจากการเป็นศูนย์กลางทางการเงินยุโรป
ข้อมูลจาก CBOE Europe เผยว่า หุ้นที่ถูกซื้อขายในอัมสเตอร์ดัม ผ่าน Euronext Amsterdam, Turquoise และ CBOE Europe คิดเป็นมูลค่ากว่า 9.2 พันล้านยูโรต่อวัน เพิ่มขึ้น 4 เท่าจากเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา
สวนทางกับลอนดอน ที่มีปริมาณการซื้อขายหล่นลงมาที่ 8.6 พันล้านยูโรต่อวัน จากการที่อังกฤษถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป ทำให้มีปัญหาเรื่องความเทียบเท่าของกฎหมายส่งผลถึงลงทุนข้ามพรมแดน
ตอนนี้มูลค่าการซื้อขายของอังกฤษลดลง 6.5 พันล้านยูโร และย้ายไปอยู่ในสหภาพยุโรปแทน
อัมสเตอร์ดัม ปารีส แฟรงค์เฟิร์ต ดับลิน ได้รับประโยชน์เต็มๆ
เมืองศูนย์กลางทางการเงินอื่นๆ ได้รับประโยชน์จากที่เงินลงทุนย้ายจากฝั่งอังกฤษมาทางสหภาพยุโรป
ข้อมูลของ CBOE Europe แสดงให้เห็นว่าทั้ง ปารีส แฟรงค์เฟิร์ต และดับลิน มีมูลค่าการลงทุนต่อวันเพิ่มขึ้น แต่เมืองที่ได้รับผลประโยชน์มากที่สุดคือ อัมสเตอร์ดัม เพราะมีมูลค่าการลงทุนต่อวันเพิ่มขึ้น 4 เท่าตัว
เมืองหลวงของเนเธอร์แลนด์สามารถกอบโกยกิจกรรมการซื้อขายในตลาดแลกเปลี่ยนและในตลาดตราสารหนี้ที่ปกติแล้วเกิดขึ้นในกรุงลอนดอน นอกจากนั้น CBOE Europe ระบุว่า มีแผนที่จะจัดตั้งธุรกิจซื้อขายตราสารอนุพันธ์ในกรุงอัมสเตอร์ดัมภายในช่วงครึ่งแรกของปีนี้อีกด้วย
เท่านั้นไม่พอ Intercontinental Exchange บริษัทเจ้าของตลาดหุ้นนิวยอร์ก (NYSE) มีแผนจะย้ายตลาดการซื้อขายโควต้าการปล่อยคาร์บอน ที่แต่เดิมเปิดทำการในกรุงลอนดอนมายังกรุงอัมสเตอร์ดัม โดยขณะนี้ตลาดดังกล่าวมีมูลค่าการซื้อขายต่อวันกว่า 1 พันล้านยูโร
อนาคตของภาคการเงินในยุโรป
ถ้ามองเกมระยะยาว การซื้อขายหุ้นที่ย้ายมายังสหภาพยุโรปในช่วงนี้ อาจจะถูกดึงกลับลอนดอนได้อีกครั้งในอนาคต
สิ่งเหล่านี้จะเปลี่ยนแปลงอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับการเจรจาระหว่างอังกฤษและสหภาพยุโรปที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ ซึ่งถึงที่สุดแล้ว ต่างฝ่ายหวังว่าจะสามารถหาข้อสรุปและจัดทำบันทึกความเข้าใจร่วมกันได้ภายในเดือนมีนาคมที่จะถึง
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา