อัตราการเกิดของสหรัฐอเมริกาในปี 2020 ลดลงราว 4% รัฐบาลกลางรายงานว่า อัตราการเกิดลดลงต่อเนื่องกันเป็นเวลา 6 ปีแล้ว ยิ่งต้องเผชิญสถานการณ์โควิดระบาด ยิ่งทำให้การเกิดลดลง ผู้หญิงชาวอเมริกันตั้งครรภ์ช้าลง
ช่วงเริ่มต้นของโควิดระบาด มีการคาดการณ์ว่าน่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับสภาพครอบครัวของชาวอเมริกัน อาจจะมีการพยายามฟื้นฟูอัตราการเกิดให้เพิ่มขึ้น แต่ในความเป็นจริงกลับกลายเป็นว่าอัตราการเกิดปลายปีที่ผ่านมาลดลงอย่างมีนัยสำคัญ การเกิดลดลงราว 8% ในเดือนธันวาคมที่ผ่านมาเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนหน้า เดือนธันวาคมมีอัตราการเกิดน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับเดือนอื่นทั้งปี มีการเกิดลดลง 4% จำนวนเด็กเกิดใหม่ในอเมริกาเมื่อปีที่ผ่านมา พบว่า มีจำนวน 3,605,201 คน เป็นจำนวนที่น้อยที่สุดนับตั้งแต่ปี 1979
อัตราการเกิดนี้เป็นมาตรวัดจำนวนเด็กที่เกิดจากผู้หญิงจำนวน 1,000 คน ที่มีอายุระหว่าง 15 ถึง 44 ปี มีการเกิดลดลง 19% อัตราการเกิดที่ลดลงนี้สะท้อนให้เห็นภาพรวมของประชากรสหรัฐอเมริกาที่มีการย้ายถิ่นฐานลดลง มีการเสียชีวิตเพิ่มขึ้นทำให้ประชากรในสหรัฐฯ ช่วงที่ผ่านมาขยายตัวในอัตราที่ช้าที่สุดเป็นอันดับ 2 นับตั้งแต่ที่รัฐบาลเริ่มนับจำนวนประชากรในศตวรรษที่ 18 ยิ่งมีโรคโควิดระบาดยิ่งทำให้อัตราการตายพุ่งสูงขึ้น อัตราการเกิดลดต่ำลง
ด้านเคนเนต จอห์นสัน นักประชากรศาสตร์จากมหาวิทยาลัยนิวแฮมป์เชียร์ เคยคำนวณไว้ว่า การเสียชีวิตจะเพิ่มขึ้นราว 18% ในปี 2019 และการเกิดจะลดลง โดยใน 25 รัฐจะมีการสูญเสียชีวิตมากกว่าการเกิด ในปีที่ผ่านมาพบว่ามีอัตราการเกิดต่ำที่สุดเท่าที่เคยมีมา ผู้หญิงมีลูกช้าลง อัตราการเกิดที่ลดลงนี้เกิดขึ้นหลังวิกฤตเศรษฐกิจ ผู้หญิงเลิกคิดที่จะมีลูก พวกเธอกังวลทั้งเรื่องงานและรายได้ที่ไม่แน่นอน
ก่อนหน้านี้ อัตราการเกิดลดลงอย่างมากในช่วงต้นทศวรรษ 1930 หลังจากที่เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ แต่หลังจากนั้นไม่กี่ปี เศรษฐกิจก็เริ่มกลับมาฟื้นตัว แต่เมื่อเกิดวิกฤตเศรษฐกิจอีกครั้งในปี 2008 อัตราประชากรก็เริ่มมีรูปแบบที่เปลี่ยนไป การเปลี่ยนแปลงทางสังคมครั้งใหญ่ในสหรัฐฯ ทำให้รูปแบบครอบครัวชาวอเมริกันค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไปด้วย
ในปี 2020 อัตราการเกิดลดลงทุกกลุ่มอายุ ยกเว้นผู้หญิงวัย 40 ปลายและเด็กผู้หญิงที่เริ่มเข้าสู่วัยรุ่น อย่างไรก็ดี อัตราการเกิดลดลง 8% สำหรับกลุ่มวัยรุ่นเมื่อเทียบกับปี 2019 และกลุ่มผู้หญิงวัย 20 ถึง 24 ปีมีอัตราการเกิดลดลง 6% ส่วนอัตราการเกิดของคนเริ่มเข้าสู่วัย 20 ลดลง 40% นับตั้งแต่ปี 2007 ส่วนวัยรุ่นผู้หญิงก็มีอัตราการเกิดลดลงราว 63% นับตั้งแต่ปี 2007 เช่นกัน เรื่องนี้ ผู้หญิงวัย 25 ปีที่อยู่ในกลุ่มวิจัยคุณภาพให้ความเห็นว่า เธอยังเด็กเกินไปที่จะรับผิดชอบชีวิตในการมีลูก เธอยังต้องเรียนรู้เกี่ยวกับตัวเองอีกมาก ต้องเรียนรู้ที่จะเป็นผู้ใหญ่ สำหรับตอนนี้ เธอคิดว่าเธอไม่มีทางที่จะรับผิดชอบชีวิตที่มีลูกให้ดูแลได้เลย
ขณะที่นักศึกษาที่เรียนเรื่องการแพทย์ เธอมีคู่หมั้นแล้ว บอกว่า การมีลูกทำให้มีต้นทุนเพิ่มขึ้น ลำพังหนี้จากการเรียนด้านการแพทย์ก็มีจำนวนมหาศาลแล้ว เธอนึกภาพไม่ออกเลยว่าการมีลูกในช่วงวัย 30 ต้นๆ จะเป็นยังไง ไม่สามารถจินตนาการได้ เพื่อนสนิทของเธอก็ไม่มีใครมีลูกสักคน
สรุป
สังคมในปัจจุบันของอเมริกาทำให้คนมีลูกช้าลงและไม่อยากมีลูกมากขึ้น ลูกมาพร้อมกับค่าใช้จ่ายที่มากขึ้น ขณะที่พวกเธอก็ยังดูแลตัวเองได้ลำบากอยู่ การมีลูกช้าลงสัมพันธ์กับสถานะทางเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ กอปรกับโรคระบาดที่หนักหน่วงทำให้คนเลิกคิดเรื่องนี้ไป แต่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ก็เริ่มฟื้นตัวขึ้นบ้างแล้ว หลังจากฉีดวัคซีนต้านโควิดอย่างหนัก ก็น่าจะทำให้คนคลายความกังวลเรื่องโรคระบาดได้บ้าง เมื่อเศรษฐกิจดีขึ้น โรคระบาดลดลง ก็อาจทำให้อัตราเพิ่มขึ้นได้ในอนาคต แต่สำหรับตอนนี้สิ่งที่จะทดแทนแรงงานที่ขาดหายไปก็คือแรงงานต่างชาตินั่นเอง
ที่มา – The New York Times
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา