พนักงาน Amazon เผย ต้องรับพนักงานเข้ามาในทีมแล้วไล่ออก เพื่อปลดคนให้ได้ตามเป้าประจำปี

โหดร้ายกับคนทำงานตาดำๆ เหลือเกิน พนักงานระดับผู้จัดการของ Amazon เผย มีการจ้างพนักงานใหม่เข้ามาแล้วไล่ออก เพื่อปลดคนให้ได้ปีละ 6% ตามเป้าหมายที่วางไว้ในแต่ละปี

ก่อนหน้านี้ Amazon บริษัท e-Commerce ยักษ์ใหญ่จากประเทศสหรัฐอเมริกา มีประเด็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้างถึงการปฎิบัติกับพนักงาน ด้วยการตั้งเป้าหมายปลดพนักงานในแต่ละแผนก 6% ต่อปี และหากแผนกใดไม่สามารถทำได้ตามเป้าหมาย ปีถัดไปก็ต้องปลดพนักงานเพิ่มขึ้นเป็นการชดเชยให้ครบด้วย

ล่าสุดดูเหมือนว่าประเด็นการปลดพนักงานตามเป้าหมายของ Amazon จะยังไม่จบลงง่ายๆ เพราะคราวนี้พนักงานระดับผู้จัดการได้ให้ข้อมูลกับ Business Insider เป็นการตอกย้ำว่าเป้าหมายการปลดพนักงานในแต่ละปีมีอยู่จริง แถมพนักงานระดับผู้จัดการยังต้องจ้างพนักงานใหม่เข้ามาแล้วไล่ออก เพื่อปลดคนให้ได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ในแต่ละปี

เป้าหมายปลดพนักงานกดดันหนัก จนต้องจ้างพนักงานมาไล่ออกโดยเฉพาะ

พนักงานระดับผู้จัดการได้ให้ข้อมูลว่า การจ้างพนักงานใหม่เพื่อไล่ออก มีคำเรียกกันภายในว่า “Hire to Fire” หรือแปลง่ายๆ ก็คือ “จ้างมาเพื่อไล่ออก” โดยจะเลือกจ้างพนักงานที่รู้อยู่แล้วว่ายังไงก็ต้องไล่ออกภายใน 1 ปี เข้ามาทำงานในทีม แล้วปลดออกให้ได้ตามเป้าหมายประจำปีที่กำหนดไว้ โดยผู้จัดการเองบอกว่า “ทำเพื่อความอยู่รอดของคนอื่นๆ ในทีม” ซึ่งหากปลดคนออกไม่ได้ตามเป้าหมาย ความกดดันก็จะตกอยู่ที่ผู้จัดการ

ส่วนในมุมของพนักงานทั่วไป ได้ให้ความเห็นกับการปลดคนออกตามเป้าหมายในแต่ละปีว่า มีการให้อำนาจแก่พนักงานระดับผู้จัดการมากเกินไปในการประเมินประสิทธิภาพการทำงาน (Performance Rating) จนกลายเป็นว่าอำนาจนั้นอยู่เหนือเส้นทางอาชีพของพวกเขาเอง และหากพวกเขาได้รับการประเมินประสิทธิภาพการทำงานที่ไม่ดี ก็จะกลายเป็นว่าพวกเขาเหมือนหมดอนาคตในการย้ายไปทำงานในตำแหน่งอื่นๆ ของ Amazon

อย่างไรก็ตามตัวแทนของ Amazon ได้ออกมาปฎิเสธว่า “ไม่มีการจ้างพนักงานใหม่เข้ามาเพื่อไล่ออก” และไม่ได้มีการใช้คำว่า Hire to Fire เป็นการภายในแต่อย่างใด

แม้ตัวแทนของ Amazon จะออกมาปฎิเสธ แต่ก็อย่าลืมว่าที่ผ่านมา Amazon ตกเป็นเป้าโจมตีในประเด็นการปฎิบัติต่อพนักงานอยู่เรื่อยๆ นอกจากการปลดพนักงานออกตามเป้าหมายในแต่ละปีแล้ว ยังมีประเด็นเรื่องการปฎิบัติต่อพนักงานส่งของ ทั้งการออกกฎควบคุมร่างกายของพนักงาน และถูกกดดันเรื่องการทำงาน ไม่มีเวลาจนต้องปัสสาวะใส่ขวดน้ำเลยทีเดียว

ที่มา – Business Insider

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา