Alibaba เปิดตัวโรงงานดิจิทัล ใช้ระบบ Cloud-AI-IoT ผลิตเสื้อผ้าตามสั่ง ไม่ต้องสต็อคอีกต่อไป

ภาพภายในโรงงานชุนฉี

เปิดตัว “ชุนฉี” โรงงานดิจิทัลแนวคิดใหม่

Alibaba เปิดตัวโมเดล New Manufacturing หรือระบบการผลิตแบบใหม่เป็นครั้งแรก พร้อมทั้งเปิดตัว “โรงงานดิจิทัลชุนฉี” (Xunxi) ที่ติดตั้งโมเดลนี้

โรงงานแห่งใหม่นี้ตั้งอยู่ในเมืองหังโจวและใช้โครงสร้างพื้นฐานการประมวลผลคลาวด์และอินเทอร์เน็ตออฟธิงค์ (IoT) ของอาลีบาบาซึ่งมีระบบซัพพลายเชนในกระบวนการผลิตที่เป็นดิจิทัล ทำให้สามารถปรับเปลี่ยนตามปริมาณการผลิตได้อย่างเต็มรูปแบบโดยไม่มีข้อจำกัดในด้านปริมาณ

พูดง่ายๆ คือ ธุรกิจและผู้ผลิตโดยเฉพาะผู้ผลิตรายย่อยสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปได้ดีและเร็วขึ้น เพราะเมื่อลูกค้าสั่งสินค้า โรงงานดิจิทัลสามารถผลิตได้ทันทีตามจำนวนที่ต้องการ ได้ทั้งประสิทธิภาพ และไม่มีของเหลือทิ้งเหมือนในการผลิตยุคเก่า

อลัน วู ซีอีโอ บริษัท ชุนฉี ดิจิทัล เทคโนโลยี ของอาลีบาบา กรุ๊ป กล่าวว่า “ดาต้า หรือข้อมูล เป็นหัวใจสำคัญของ New Manufacturing เพราะความต้องการของลูกค้าในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปเร็วมากขึ้น และมองหาสินค้าเฉพาะบุคคล มากกว่าสินค้าที่ผลิตครั้งละมากๆ อย่างในอดีต โมเดล New Manufacturing จะช่วยเหลือผู้ผลิตแบบดั้งเดิมให้สามารถใช้โมเดลการผลิตที่ยืดหยุ่นตามความต้องการซื้อได้แบบเรียลไทม์ โดยใช้เทคโนโลยีและระบบอัจฉริยะที่ขับเคลื่อนโดยข้อมูล ทำให้ผู้ผลิตแบบดั้งเดิมสามารถทำกำไรและบริหารจัดการจำนวนสินค้าคงคลังได้ดีขึ้น ในขณะเดียวกันก็ตอบสนองความต้องการแบบเฉพาะบุคคลของผู้บริโภคได้”

ภาพด้านหน้าของโรงงานชุนฉี

เริ่มต้นด้วยการลุยอุตสาหกรรมเสื้อผ้า

ในระยะแรก สินค้าที่จะผลิตที่ชุนฉีคือ “เครื่องแต่งกาย” เนื่องจากเป็นตลาดที่เป็นเบอร์หนึ่งในประเภทสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในตลาดซื้อขายของอาลีบาบาในจีน รวมถึงอุตสาหกรรมนี้มีสายการผลิตยาวและมีการสต็อกสินค้าสูง ซึ่งเป็นปัญหาที่มีมายาวนานสำหรับผู้ผลิตทั้งรายเล็กและรายใหญ่

ดังนั้น การนำเทคโนโลยีใหม่แบบเรียลไทม์มาใช้ ทั้งด้านการหาวัตถุดิบ กระบวนการผลิต การวางแผนค่าใช้จ่าย โลจิสติกส์อัตโนมัติแบบอินเฮาส์ และระบบปฏิบัติการของชุนฉีจะทำให้โรงงานต่างๆ สามารถผลิตสินค้าตามคำสั่งซื้อจำนวนไม่มากได้ ด้วยต้นทุนที่สมเหตุสมผลและส่งมอบสินค้าได้เร็วขึ้น จึงเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตได้ตั้งแต่ 25% จนถึง 55% โดยเฉลี่ย (คาดการณ์โดย Alibaba)

นอกจากนี้ ชุนฉียังใช้โมเดลการวิเคราะห์เทรนด์และยอดขาย ควบคู่ไปกับแพลทฟอร์มการออกแบบสินค้าที่นำปัญญาประดิษฐ์ของตนเองเข้ามาใช้ ทำให้ผู้ผลิตมีข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความนิยมของลูกค้า ระบบข้อมูลที่ดีขึ้นนี้สามารถลดค่าใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนา และทำให้ธุรกิจสามารถพัฒนาสินค้าเฉพาะบุคคลให้กับลูกค้า ไม่ให้พลาดโอกาสที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วได้

โรงงานแห่งโลกอนาคต

การที่อาลีบาบานำโมเดลนำร่องซุนสีมาใช้ ถือเป็นหนึ่งในความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องที่จะทำให้ทุกคนสามารถทำธุรกิจได้จากทุกที่ การยกระดับการผลิต made-in-cloud จะช่วยให้ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมสามารถแข่งขันได้ในตลาดเสื้อผ้าแฟชั่นที่ก้าวไปอย่างรวดเร็ว

นับตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง โรงงานแห่งนี้ได้ทำงานร่วมกับ ผู้ขาย นักจัดรายการผ่านไลฟ์สตีม และดีไซเนอร์แนวสตรีทแวร์ ของเถาเป่าและทีมอลล์ ในการค้นหาและทดลองโอกาสใหม่ๆ ด้านการผลิตสินค้าเครื่องแต่งกาย

เมื่อวันที่ 14 กันยายน ที่ผ่านมา สภาเศรษฐกิจโลก หรือ World Economic Forum ได้แต่งตั้งให้โรงงานดิจิทัลชุน​ฉีเป็นหนึ่งใน Lighthouse ภายใต้เครือข่าย Global Lighthouse Network ซึ่งเป็นชุมชนของบริษัทชั้นนำระดับโลกที่ประสบความสำเร็จในการนำเทคโนโลยี Fourth Industrial Revolution มาใช้ในการผลิตได้จริง การแต่งตั้งดังกล่าวแสดงถึงการยอมรับในความสำเร็จของชุน​ฉีในการผสานเทคโนโลยีดิจิทัลที่ทรงพลัง เข้ากับข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภค และนำโมเดล New Manufacturing แบบดิจิทัลเต็มรูปแบบมาใช้ได้จริง

การเปิดตัวชุน​ฉีเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่การระบาดของโควิด-19 ทำให้อุตสาหกรรมต่างๆ ต้องเร่งปรับตัวไปสู่ดิจิทัล ในอนาคตโรงงานดิจิทัลซุนสีจะช่วยเหลือลูกค้าที่เป็นผู้ผลิตเครื่องแต่งกายในการลดจำนวนสินค้าคงคลัง ในขณะเดียวกันก็จะเดินหน้าเพิ่มประสิทธิภาพและความยืดหยุ่น

ในอนาคตโครงการนี้จะขยายการนำเทคโนโลยีไปใช้ในการผลิตสินค้าอื่นๆ นอกเหนือจากแฟชั่นและเครื่องแต่งกาย โดยอลัน วู กล่าวว่า “เราหวังว่าจะได้เรียนรู้และทำงานร่วมกับเพื่อนร่วมอุตสาหกรรม เพื่อสร้างอีโคซิสเท็มของ New Manufacturing ร่วมกัน”

ที่มา – Alibaba ประเทศไทย

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา