AI ไม่ได้ทำให้คนตกงานโดยตรง แต่สร้างรูปแบบการทำงานใหม่ๆ ใครทันกระแสก็รอด ไม่ทันก็ต้องโบกมืออำลา

การเกิดขึ้นของหุ่นยนต์ AI เป็นพัฒนาการที่ไม่มีใครหยุดยั้งได้ บทบาทที่เพิ่มมากขึ้นในทุกวงการ ย่อมทำให้หลายคนกังวลว่าจะกระทบต่อการงานของมนุษย์ แต่อันที่จริงแล้ว AI สร้างรูปแบบการทำงานแบบใหม่ต่างหาก ใครเกาะขบวนไม่ทันก็ไม่รอด

Photo: Pixabay

AI ไม่ได้ทำให้ใครตกงาน แต่ AI สร้างโลกการทำงานแบบใหม่

ความกังวลต่อรูปแบบการทำงานที่เปลี่ยนแปลงไป เป็นเรื่องปกติธรรมดา เกิดขึ้นทุกยุคทุกสมัย ในปัจจุบันการเกิดขึ้นของ AI (Artificial intelligence) ก็สร้างความกังวลให้หลายคนกลัวจะตกงาน เพราะถ้าหุ่นยนต์เข้ามาทำงานแทนมนุษย์ได้ แล้วจะเหลืองานอะไรให้มนุษย์ทำ?

World Bank ระบุว่า ตอนนี้มีคนประมาณ 5 ล้านคนถูกจ้างงานให้ทำงานด้านการตลาดออนไลน์ทั่วโลกผ่าน Freelancer.com และ UpWork ซึ่งรูปแบบการทำงานก็มีตั้งแต่ให้ออกแบบเว็บไซต์ไปจนถึงด้านกฎหมาย

  • Amazon เคยมีการเสนองานให้ผู้คนบนโลกออนไลน์ช่วยถอดเสียงออกมาเป็นคำ มีคนเข้าร่วมทำงานมากกว่า 500,000 คน
  • Google เคยจ้างคนประมาณ 10,000 คน ให้มาเป็นนักจัดเรตติ้งบนออนไลน์ โดยดูเนื้อหาวิดีโอบน YouTube เป็นหลัก
  • Microsoft ก็มีการจ้างงานคนในหน่วยที่ชื่อว่า “Universal Human Relevance System” เอาไว้ช่วยตรวจสอบอัลกอริธึ่มการเสิร์ชบนออนไลน์
  • ในเยอรมันมีการออกกฎหมายเพื่อจ้างคนเพิ่มในการดูแลเนื้อหาบนโลกออนไลน์ เพื่อกำจัดเนื้อหาที่ผิดกฎหมาย เช่น เนื้อหาที่สุ่มเสี่ยงต่อความโหดร้ายทางประวัติศาสตร์
  • Facebook ระบุว่า จะจ้างงานเพิ่มในส่วนที่จะมาดูแลในแง่เนื้อหาจากเดิมที่มี 4,500 คน เป็น 7,500 คน
Photo: Pixabay

กว่า AI จะเก่ง ต้องพึ่งมนุษย์อีกไม่น้อย

แน่นอนว่า AI สามารถประมวลผลได้ไวกว่ามนุษย์ แต่ข้อมูลที่ต้องใช้นั้น อย่างไรเสียก็ต้องผ่าน “มนุษย์” เป็นผู้กลั่นกรองมาก่อน

CrowdFlower บริษัทสตาร์ทอัพสายงานบริการ บอกว่า ยังต้องการมนุษย์อยู่ในวงจรการทำงาน จริงอยู่ที่ AI สามารถทำให้การทำงานรวดเร็วมากขึ้น สามารถรองรับจดหมายจากลูกค้าได้มากมาย สร้างประเภทงานได้หลากหลาย แต่คนที่จะตอบคำถามลูกค้า โดยเฉพาะที่ต้องกระทบความรู้สึกกับลูกค้า งานส่วนนั้นมนุษย์ยังสำคัญและจำเป็น

หรืออย่างการจองตั๋วเครื่องบิน AI ช่วยทำให้ทำงานง่ายขึ้น ทั้งตัวผู้ให้บริการและลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ แต่คำถามที่เกิดขึ้น หากซับซ้อนและเป็นคำถามที่ไม่ตายตัว นอกเหนือจากที่สั่งการให้หุ่นยนต์สามารถจัดการได้ ท้ายที่สุด มนุษย์ก็จำต้องเป็นผู้แก้ไข

ไม่ตกงาน ถ้าเข้าใจว่าโลกการทำงานเปลี่ยนไป

ในระหว่างทางที่โลกกำลังสอน AI ให้เก่งขึ้น ฉลาดขึ้น คำถามคือแล้วใครกันที่จะเป็นผู้ทดลองระบบ? คำตอบก็คือ มนุษย์อย่างเราๆ นี่เอง

ระบบที่สร้างสรรค์จาก AI จำต้องผ่านการทดสอบโดยมนุษย์ เพราะฉะนั้นถ้าเข้าใจว่า โลกการทำงานได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว มันคือ “ออนไลน์” ทั้งในความหมายที่ทุกสรรพสิ่งเกิดขึ้นจริงบนนั้น ไม่ใช่แค่บริการ แต่คืองานที่จะบันดาลเงินให้กับทุกคนได้ด้วย

สิ่งสำคัญก็คือ นอกจากประชากรแต่ละคนต้องตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลง รัฐบาลของในแต่ละประเทศเองก็ต้องรู้เท่าทันการเปลี่ยนไปของกระแสโลก เพราะที่แน่ๆ โลกการทำงาน(กำลัง)เปลี่ยนไปแล้ว ถ้าเตรียมคนไม่พร้อม ปัญหาจะผูกติดกันเป็นลูกโซ่ขนาดใหญ่

ถึงที่สุดแล้ว การตกงานคือการไม่ปรับตัว ไม่เข้าใจว่าโลกได้เปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง และเอาเข้าจริง ต่อให้ไม่มี AI หรือหุ่นยนต์หน้าไหนเกิดขึ้นมาบนโลก พฤติกรรมของการไม่ปรับตัวต่อการเปลี่ยนไปของโลก ก็ทำให้ตกงานได้อยู่แล้วในตัวของมันเอง

ที่มา – The Economist

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา