Aerosoft แบรนด์รองเท้าสัญชาติไทยของตระกูล จึงรุ่งเรืองกิจ ติดใจการสนับสนุนถ่ายทอดสดกีฬา ล่าสุดเป็นผู้ซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด UEFA Euro 2024 อีกครั้ง หวังใช้กลยุทธ์ Sport Marketing ช่วยสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก และเติบโตอย่างยั่งยืน
Aerosoft ซื้อลิขสิทธิ์ Euro 2024 ในไทยอีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 6 มิ.ย. 2024 เป็นอีกครั้งที่ บริษัท ซัมมิท ฟุตแวร์ จำกัด เจ้าของรองเท้า Aerosoft ประกาศซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดการแข่งขัน Euro 2024 หรือฟุตบอลยูโร 2024 หลังเคยซื้อลิขสิทธิ์ครั้งก่อน หรือ Euro 2020 ที่จัดขึ้นเมื่อปี 2021 เพราะติดปัญหาโรคโควิด-19 ระบาด
การซื้อลิขสิทธิ์ครั้งนี้ Aerosoft ไม่ได้แจ้งตัวเลขมูลค่าการซื้อลิขสิทธิ์เหมือนครั้งก่อนที่ลงทุนไปราว 10 ล้านยูโร หรือประมาณ 300 ล้านบาท แต่ที่เหมือนกันคือ เป็นการซื้อลิขสิทธิ์แบบฉิวเฉียดนัดเปิดสนาม เพราะครั้งก่อนแจ้งข่าวซื้อลิขสิทธิ์วันที่ 10 มิ.ย. ก่อนแข่งแค่ 1 วัน ส่วนครั้งนี้ก็เกิดก่อนการแข่งขันนัดแรกวันที่ 14 มิ.ย. (ตามเวลายุโรป)
การที่ไม่ฉุกละหุกสุด ๆ เหมือนครั้งก่อน หรือเหลือเวลาก่อนการแข่งขันราว 1 สัปดาห์ ทำให้มีบริษัทเอกชนชั้นนำเข้ามาร่วมสนับสนุนการถ่ายทอดสดการแข่งขันดังกล่าวด้วย ไม่ว่าจะเป็น บมจ. ปตท., บมจ. ไทยเบฟเวอเรจ, บมจ. ท่าอากาศยานไทย และ บมจ. การบินกรุงเทพ
ไม่เป็นช่องทางทำตลาดสำคัญเหมือนครั้งก่อน ๆ
แม้การแข่งขัน Euro 2024 มีทั้งหมด 51 นัดการแข่งขัน ระหว่างวันที่ 14 มิ.ย. – 14 ก.ค. 2024 (ตามเวลายุโรป) หรือกินช่วงเวลา 1 เดือนเต็ม แต่ก็เป็นอีกครั้งที่ Euro 2024 ไม่ได้ถูกนำมาเป็นเครื่องมือในการทำตลาดเพื่อสื่อสารแบรนด์เป็นวงกว้างในประเทศไทย เช่นเดียวกับครั้งที่จัดเมื่อปี 2021
หากตรวจสอบดูจะพบว่า แบรนด์อาหาร และเครื่องดื่มที่มักจะมีส่วนสำคัญในการทุ่มงบโฆษณาเพื่อสื่อสารการตลาดผ่านการแข่งขันดังกล่าวก็ไม่ได้ทำแคมเปญอะไรออกมา เต็มที่มีเพียงผู้สนับสนุนการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2024 อย่างเป็นทางการระดับโลก หรือ Official Global Sponsors เท่านั้นที่ใช้การแข่งขันนี้มาช่วยทำตลาด
เช่น BYD แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าจากจีนที่กำลังกระแสแรงในไทย มีการใช้โลโก้การแข่งขันฟุตบอลยูโร 2024 ในป้ายโฆษณาต่าง ๆ และหวังการเป็น Official Global Sponsors ช่วยสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก และเชื่อมั่นมากขึ้น ซึ่งในลักษณะดังกล่าวยังมี Vivo และ Hisense แบรนด์มือถือ และเครื่องใช้ไฟฟ้าจากจีนทำด้วยเช่นกัน
ขนาดนายกฯ ยังบอกว่าช่วยแค่ร้านค้าคึกคัก
ขณะเดียวกันในงานแถลงข่าวประกาศผู้ซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลยูโร 2024 ในไทย เศรษฐา ทวีสิน ยังแจ้งกับผู้สื่อข่าวว่า ตนมองว่าไม่น่าจะทำให้การท่องเที่ยวคึกคัก แต่จะทำให้ร้านอาหาร และสปอร์ตบาร์ หลาย ๆ แห่ง คึกคักมากกว่า โดยการแข่งขันนี้จะถ่ายทอดสดผ่านช่องฟรีทีวีประกอบด้วย NBT, MCOT และ PPTV
ในมุมผู้ประกอบการค้าปลีก เช่น Supersports ค้าปลีกอุปกรณ์กีฬาในเครือ บมจ. เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น ยังหวังว่า ฟุตบอลยูโร และการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกในปี 2024 จะช่วยกระตุ้นการจับจ่ายอุปกรณ์กีฬาไม่มากก็น้อย เช่นเดียวกัน Power Mall ค้าปลีกเครื่องใช้ไฟฟ้าในเครือเดอะมอลล์ มีการจัดแคมเปญกระตุ้นยอดขายโทรทัศน์เช่นกัน
อย่างไรก็ตามด้วยการประกาศแบบกะทันหัน ก็ไม่แปลกที่จะทำให้แบรนด์ต่าง ๆ วางแผนในการทำตลาดไม่ทัน และด้วยความบันเทิงในปัจจุบันมีหลากหลาย มหกรรมกีฬาอาจไม่ใช่หนึ่งในช่องทางสำคัญที่สุดในการทำตลาดอีกต่อไป ทำให้หลายแบรนด์ไม่ได้ให้ความสำคัญนัก และหันไปจริงจังกับช่องทางอื่น ๆ ที่เหมาะสมกับแบรนด์มากกว่า
ย้อนดูผลงาน Aerosoft หลังซื้อลิขสิทธิ์ Euro 2020
หากย้อนไปดูรายได้ของ บริษัท ซัมมิท ฟุตแวร์ จำกัด โดยอ้างอิงข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าจะพบว่า ในปี 2021 ที่บริษัทลงทุนซื้อลิขสิทธิ์การแข่งขันฟุตบอลยูโร 2020 บริษัทนี้มีรายได้รวม 1,160 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 74% มีกำไรสุทธิ 268 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,869%
แต่ในปี 2022 บริษัทกลับมีรายได้รวม 889 ล้านบาท ลดลง 23% ขาดทุนสุทธิ 6 ล้านบาท และปี 2023 บริษัทมีรายได้รวม 713 ล้านบาท ลดลง 19% ขาดทุนสุทธิ 147 ล้านบาท ถ้าเป็นอย่างนี้อาจคำนวณได้ว่า การซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอลยูโร 2020 อาจช่วยเพิ่มยอดขายได้แค่ระยะสั้น
แม้ยอดขายอาจไม่พุ่งดังกล่าว แต่ถ้ามาดูในส่วนของงบดุลของ บริษัท ซัมมิท ฟุตแวร์ จำกัด จะพบว่า บริษัทนี้ยังมีความมั่นคงสูง เพราะมีสินทรัพย์รวม 2,352 ล้านบาท มากกว่าหนี้สินรวม 107 ล้านบาท และที่แน่ ๆ ผู้เขียนเชื่อว่า เพลง เชียร์ยูโร Aerosoft เชียร์ยูโร จะกลับมาหลอกหลอนทุกคนจนจดจำแบรนด์ได้อีกครั้ง
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา