มาแรงจริงๆ สำหรับเศรษฐกิจจีน ล่าสุดผลสำรวจจากนักเศรษฐศาสตร์ 35 ราย คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจีนปี 2021 จะขยายตัวถึง 8.2% ถือว่าเติบโตมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2012
ถือว่าเป็นการเติบโตอย่างต่อเนื่องหลังจากได้รับผลกระทบจากโควิดระบาดมาบ้างในช่วงปี 2020 นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ต่างมีความหวังว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน น่าจะบริหารประเทศในทิศทางที่สามารถคาดการณ์ได้มากขึ้น เผชิญหน้ากับจีนน้อยลง ส่งผลให้จีนฟื้นตัวทางเศรษฐกิจได้เร็ว ซึ่งจีนก็มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจติดลบเป็นครั้งแรกในช่วงไตรมาสแรกของปี 2020 แต่ความสำเร็จจากการจัดการโควิดระบาดได้ ทำให้จีนฟื้นตัวเร็วกว่าประเทศอื่น
- จีนประกาศแผนเศรษฐกิจ 5 ปีฉบับใหม่ เน้นพึ่งพาตัวเองด้านเทคโนโลยีมากขึ้น เศรษฐกิจโตแบบมีคุณภาพ
- เศรษฐกิจโลกซบเซาก็ไม่กลัว สี จิ้นผิง เร่งกระตุ้นชาวจีน เน้นบริโภคภายในประเทศมากขึ้น
- ผลวิจัยชี้ จีนเตรียมแซงหน้าสหรัฐฯ ขนาดเศรษฐกิจใหญ่กว่าแน่นอน ปี 2028
ผลสำรวจ Nikkei Quick News คาดการณ์ อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจจีนจะปรับตัวเร่งขึ้นจาก 4.9% ในไตรมาส 3 เป็น 5.9% ในไตรมาส 4 คาดการณ์เฉลี่ยจีดีพีจีนจะเติบโตในปี 2020 อยู่ที่ 2.1% ส่วนอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนในปี 2021 จะอยู่ที่ 8.4% เนื่องจากภาพรวมการส่งออกการผลิตกลับมาแข็งแกร่งขึ้น พร้อมทั้งมีการลงทุนด้านการส่งออกและการบริโภค-การบริการเพิ่มสูงขึ้นด้วย
Iris Pang หัวหน้าทีมนักเศรษฐศาสตร์ด้านจีนจาก ING Bank ระบุว่า ถ้าผู้บริโภคใช้จ่ายในจีนต่อเนื่องและทางการจีนจำกัดการเดินทางต่างประเทศ จะส่งผลให้การนำเข้าและการส่งออกของจีนสมดุลมากขึ้นและทำให้สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจของจีนดีกว่าประเทศอื่นๆ ที่เหลือในโลก
ขณะที่ Xu Xiaochun นักเศรษฐศาสตร์จาก Moody ระบุว่า เศรษฐกิจภายในประเทศจะฟื้นฟูความมั่นใจแต่ก็ยังมีความเสี่ยงภายนอกจีนอยู่ ความไม่แน่นอนจากการติดเชื้อโควิดที่เพิ่มมากขึ้นทั้งในสหรัฐอเมริกาและยุโรปจะมีนัยสำคัญต่อความสัมพันธ์ของจีนกับประเทศอื่นๆ เพิ่มมากขึ้น แต่ก็อาจจะส่งผลให้การส่งออกและการผลิตภายในประเทศของจีนเติบโตและทำให้นักลงทุนมั่นใจมากขึ้น
นักเศรษฐศาสตร์มองว่าการเปลี่ยนผ่านจากยุคโดนัลด์ ทรัมป์ที่ดำเนินนโยบายแบบกระหายสงครามมาเป็นโจ ไบเดนก็อาจจะยังมีความท้าทายอยู่แต่น่าจะปั่นป่วนน้อยลงกว่าสมัยทรัมป์
ด้าน ChengShi หัวหน้าทีมนักเศรษฐศาสตร์จาก ICBC International ยังมองแง่ดีว่าไบเดนจะมีแนวทางที่สร้างสรรค์ ลดความตึงเครียดกับประเทศอื่นๆ มากขึ้น และน่าจะสรรค์สร้างระเบียบโลกขึ้นมาใหม่หลังจากทรัมป์ลดทอนสมัยเป็นรัฐบาลไปมาก การทูตพหุภาคีจะถูกนำมาใช้มากขึ้นในสมัยไบเดน
สหรัฐฯ จะกลับมามีบทบาทนำในองค์การระหว่างประเทศมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นองค์การการค้าโลก องค์การอนามัยโลก หุ้นส่วนทางเศรษฐกิจแปซิฟิก รวมไปถึงกลไกอื่นๆ ที่ร่วมมือกันทั้งมิติด้านอนามัยโลก ตลอดจนความเปลี่ยนแปลงทางอากาศ และความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ น่าจะมีทิศทางบวกมากขึ้น ส่งผลให้เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวเร็ว
ด้าน Alvin Chan หัวหน้าทีมวิจัยและพัฒนาด้านค้าปลีกมองว่า ความร่วมมือระหว่างจีนกับสหรัฐฯ จะต้องเผชิญกับความท้าทายมากขึ้น เช่นเรื่องวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมถึงการกดดันจีนในมิติสิทธิมนุษยชน นอกจากนี้นักเศรษฐศาสตร์จาก Euler Hermes มองว่า มีความเป็นไปได้ที่ไบเดนจะใช้ความร่วมมือผ่านนโยบายที่ทำให้ชาติพันธมิตรทั้งหลายหันมาต้านจีนได้ ขณะเดียวกันจีนก็ยังมีความเสี่ยงเรื่องหนี้ หลายบริษัทที่พัฒนาอสังหาริมทรัพย์กู้ยืมอย่างหนัก มีความเสี่ยงต่อการขายหนี้ให้นักลงทุนต่างประเทศ
ที่มา – Nikkei Asia
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา