กลุ่มธนาคารยูโอบี แจ้งผลประกอบการไตรมาส 3 ว่ามีกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 3% จากไตรมาสก่อน มีรายได้สุทธิ 668 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ลดลง 5% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และลดลง 40% เมื่อเทียบกับปีก่อน
อัตราดอกเบี้ย-ค่าธรรมเนียมเพิ่ม
สำหรับกำไรจากการดำเนินงานในไตรมาส 3 ของกลุ่มธนาคารยูโอบีเพิ่มขึ้น 3% เปิดที่ 1,250 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ เนื่องจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย และค่าธรรมเนียมที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงการเริ่มฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ส่วนกำไรสุทธิในไตรมาสนี้ลดลง 5% ปิดที่ 668 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ เพราะต้องตั้งเงินกันสำรองเชิงป้องกันเพิ่มขึ้น
ส่วนรายได้สุทธิในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2563 อยู่ที่ 2,230 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 33% เมื่อเทียบกับปีก่อน เหตุผลหลักมาจากธุรกรรมของลูกค้าชะลอตัว และการตั้งเงินกันสำรองเชิงป้องกันจากความไม่แน่นอนซึ่งเกิดจากการแพร่ระบาดของโรค COVID-19
ทั้งนี้ฐานะการเงินของกลุ่มธนาคารยูโอบียังมั่นคง ผ่านอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่หนึ่งที่เป็นส่วนของเจ้าของที่มีสภาพคล่องเพียงพอและแข็งแกร่งอยู่ที่ 14% และเงินกันสำรองที่ 2,710 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์สำหรับสินทรัพย์ที่ยังไม่ด้อยคุณภาพส่งผลให้กลุ่มธนาคารยูโอบีอยู่ในตำแหน่งที่ดีต่อการขับเคลื่อนผ่านความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ
“แม้จะเริ่มมองเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก แต่ภาวะการณ์ในอนาคตก็ยังไม่มั่นคงและไม่ชัดเจน เมื่อพิจารณาภูมิศาสตร์การเมือง และการแพร่ระบาดของไวรัสที่เรายังคงต้องเฝ้าระวังต่อไป ควบคู่กับการสื่อสารลูกค้าแบบ Omni-Channel รวมถึงบริการดิจิทัลอื่นๆ เพื่อยกระดับการใช้งานของลูกค้า” กลุ่มธนาคารยูโอบีแจ้ง
สรุป
สัญญาณต่างๆ เริ่มกลับมาดีขึ้นทำให้กลุ่มธนาคารเริ่มกลับมาเติบโต ซึ่งกลุ่มธนาคารยูโอบีคือหนึ่งในนั้น แต่การจะหวังพึ่งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างเดียวคงไม่ได้ ต้องมีการวางแผนป้องกัน และส่งบริการใหม่ๆ เข้ามาตอบโจทย์ลูกค้าในยุคดิจิทัลด้วย
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา