ตลาด Premium Bigbike เริ่มอิ่มตัว หลังคนไทยหันขี่เครื่องเล็ก ทำ Ducati ต้องงัดทุกกระบวนท่ามาสู้

ทุกวันนี้การเห็น Bigbike วิ่งอยู่บนท้องถนนถือเป็นเรื่องปกติ ดังนั้นตลาดมันต้องโตแน่นอน แต่เชื่อหรือไม่? แบรนด์สัญชาติอิตาลีอย่าง Ducati กลับมองว่าตลาดนี้ใกล้จะถึงจุดอิ่มตัวแล้ว

ภาพ pixabay.com

300cc ปรับความคิดคนไทยเริ่มต้นรุ่นเล็ก

เมื่อ 6-7 ปีก่อน Bigbike ยังเป็นสินค้าที่เข้าถึงยาก เพราะยังไม่มีโรงงานประกอบเพื่อจำหน่ายในประเทศไทย ทำให้ราคาแต่ละคันค่อนข้างสูง และถึงอยากขับขี่จริงๆ ก็คงซื้อได้แค่แบรนด์ญี่ปุ่น จากนั้นพอเริ่มมีแบรนด์ยุโรปลงมาตั้งโรงงานผลิตในไทย และลดราคาจำหน่ายลงมาชนกับแบรนด์ญี่ปุ่น ก็ทำให้ตลาด Premium Bigbike เริ่มจับต้องได้ แต่นั่นก็กินเวลาไม่นาน เพราะเมื่อแบรนด์ญี่ปุ่นปรับตัวด้วยการส่งรุ่นเล็ก เช่นขนาดเครื่อง 300cc ลงมาทำตลาด โดยชูจุดเด่นเรื่องหน้าตาเหมือนตัวเครื่องใหญ่ทุกประการ ก็ทำให้ Premium Bigbike อยู่ยากขึ้น

ณัฐสิทธิ์ ดิศกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดูคาทิสติ จำกัด ตัวแทนจำหน่ายแบรนด์ Ducati ในประเทศไทย เล่าให้ฟังว่า ปี 2559 บริษัทจำหน่าย Bigbike ไปได้ 1,700 คัน โดย 60% ของยอดขายเป็นตระกูล Monster หรือ Bigbike ระดับเริ่มต้นของแบรนด์ที่มีราคาราว 4 แสนบาท และปีนี้ก็คงมียอดขายใกล้เคียงเดิม เพราะตลาด Bigbike ที่มีขนาดเครื่องยนต์สูงกว่า 500cc มีพื้นที่ลดลงเมื่อเทียบกับตลาดรวม แต่ด้วยความเป็น Premium ของแบรนด์จากอิตาลี ทำให้บริษัทไม่มีแผนที่จะลดขนาดเครื่องเพื่อไปแข่งกับคู่แข่งเจ้าอื่น

Naked Bike ตระกูล Monster คือรุ่นที่จำหน่ายถึง 60% ของยอดขายในไทย โดยในภาพคือรุ่น 797 ราคาพิเศษที่ 399,999 บาท

“ปี 2555-2557 ต้องบอกว่า Ducati ผูกขาดตลาด Bigbike ราคา 4 แสนบาท และสามารถมีส่วนแบ่งในตลาด Bigbike ที่มีเครื่อง 500cc ขึ้นไปแตะ 20% ของตลาด แต่พอเข้าสู่ปี 2558-2559 ตลาด Bigbike ในไทยก็เริ่มเข้าสู่ความเป็นจริงมากขึ้น เพราะมีแบรนด์ใหม่ๆ เข้ามาทำตลาด และเครื่องยนต์ขนาดเล็กที่มีราคาถูกกว่าก็ได้รับความนิยมมากขึ้น ดังนั้นคงไม่แปลกที่ตลาดรวม Bigbike เครื่องเกิน 500cc ในปี 2559 จะเติบโตช้าลง โดยขายรวมกันทั้งประเทศไทยแค่ 17,000 คัน และมีแนวโน้มลดลงในปีนี้ด้วย”

อิงกลยุทธ์เมืองนอก แต่ก็มีแคมเปญเฉพาะไทย

อย่างไรก็ตามถึงสิ้นปี 2559 แบรนด์ Ducati ยังมีส่วนแบ่งในตลาด Bigbike เครื่องใหญ่กว่า 500cc ราว 9% และด้วยสภาพตลาดแบบนี้ทำให้บริษัทเลือกที่จะตั้งเป้าแค่รักษาส่วนแบ่งการตลาดไว้เท่าเดิมให้ได้ ไม่ว่าตลาดจะเติบโต หรือหดตัว เนื่องจาก Ducati วางตำแหน่งแบรนด์ไว้ระดับ Premium และเป็นรถในฝัน ทำให้ทั้งในอิตาลี และในไทยที่มีโรงงานของตนเองก็จะวางกลยุทธ์การตลาดเหมือนกัน จนในระดับโลก Ducati มีส่วนแบ่งในตลาด Bigbike เกิน 500cc ที่ 5% ดังนั้นประเทศไทยถึงตลาดยังหดตัว แต่ Performance ของบริษัทยังทำได้ดี

ณัฐสิทธิ์ ดิศกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดูคาทิสติ จำกัด ตัวแทนจำหน่ายแบรนด์ Ducati ในประเทศไทย

ในทางกลับกันเพื่อให้การทำตลาดในประเทศไทยมีประสิทธิภาพ บริษัทแม่ที่อิตาลีจึงให้การสนับสนุนงบการตลาด และเรื่องอื่นๆ มากขึ้น เช่นการช่วยเหลือเรื่องราคาค่าบริการ Ducati Smart Service โดยเฉพาะค่าอะไหล่ที่ลดลงสูงสุด 42.5% เช่นการเช็คระยะ 12,000 กม. จากเดิมที่ต้องจ่ายราว 12,000 บาท ก็เหลือเพียง 5,990 บาท นอกจากนี้ยังร่วมกับบริษัทประกัน FPG เพื่อให้ผู้สนใจซื้อ Ducati ได้สิทธิ์สมัครเรียน Ducati Riding Experience (DRE) เพื่อการขับขี่ปลอดภัย และเมื่อจบคอร์สสามารถนำมาลดค่าประกันชั้น 1 เหลือ 16,900 บาท

ขอเป็นแบบ Porsche เพื่อโตอย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ Ducati ของประเทศไทยได้จัดทำโครงการ Ducati Approved เพื่อสามารถเข้าถึงผู้บริโภคที่ต้องการเป็นเจ้าของ Bigbike ระดับ Premium ได้ง่ายขึ้น ผ่านการจำหน่ายรถมอเตอร์ไซค์มือสองที่ได้รับการการันตีคุณภาพ และราคาจากบริษัท ซึ่งจากปัจจัยทั้งหมดนี้ จะทำให้ Ducati ยังคงรักษาเบอร์หนึ่งในตลาด Premium Bigbike ของประเทศไทยไว้ได้ และเตรียมกลับมาสร้างความยิ่งใหญ่ในไทยอีกครั้ง เหมือนกับช่วงแรกที่เข้ามาทำตลาดรถมอเตอร์ไซค์ที่ประกอบในประเทศ และคล้ายกับ Porsche ที่มีรถยนต์ Premium หลากประเภทให้เลือกสรร

สรุป

Ducati เป็นแบรนด์ Bigbike ในฝันของหลายๆ คน ดังนั้นการจะครอบครองได้ก็ต้องคาดหวังสูงเป็นธรรมดา ซึ่งทาง Ducati ของประเทศไทยก็พยายามตอบโจทย์เรื่องนี้ให้ได้ดีที่สุด เพื่อจำหน่าย Premium Bigbike ตั้งแต่ราคา 2.8 แสนบาท – 2 ล้านบาทให้ได้ดีที่สุด

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา