สหรัฐอเมริกายังไม่หยุดพยายามแสดงจุดยืนต่อต้านจีนให้ชัดเจนมากขึ้น ล่าสุด สหรัฐฯ ภายใต้การนำของ Mike Pompeo รัฐมนตรีต่างประเทศเตรียมตั้งกลุ่มภาคี 4 ฝ่ายต้านจีน “Quad” กลุ่มต้านจีนนี้ ประกอบไปด้วย 4 ประเทศคือ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น อินเดีย และออสเตรเลีย
Quad เป็นมากกว่ากรอบความร่วมมือด้านความมั่นคง?
Mike Pompeo ให้สัมภาษณ์กับ Nikkei Asia ขณะที่เยือนญี่ปุ่น เขากล่าวว่า เขาพยายามจะสร้างกรอบความร่วมมือขึ้นมา เป็นโครงข่ายที่ถักทอขึ้นมาเพื่อที่เผชิญหน้ากับพรรคคอมมิวนิสต์จีน ส่วนประเทศอื่นๆ ก็อาจจะเข้ามาเกี่ยวพันได้ในเวลาที่เหมาะสม โดยการประชุม Quad นี่จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 แล้วกับบรรดารัฐมนตรีต่างประเทศทั้งสี่ ครั้งแรกจัดขึ้นที่นิวยอร์ก ปี 2019
Pompeo เชื่อว่า Quad จะเป็นกรอบความร่วมมือที่ช่วยส่งเสริมเสรีภาพ ความรุ่งเรืองในภูมิภาคนี้ ทำให้อินโด-แปซิฟิกเปิดกว้างมากขึ้นทั้งในด้านเศรษฐกิจ ด้านประชาธิปไตย ไม่ใช่แค่ความร่วมมือเท่านั้นที่พัฒนาขึ้น แต่ความสัมพันธ์ก็แน่นแฟ้นมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นสหรัฐฯ ต่อญี่ปุ่นหรือออสเตรเลีย
ความร่วมมือดังกล่าวไม่ใช่การหารือกันแค่เพียงประเด็นทหาร แต่ยังมีความมั่นคง เศรษฐกิจ การทูต การค้า ลิขสิทธิ์ทางปัญญา หลักนิติรัฐ มันจะเป็นความร่วมมือเชิงลึกและเชิงกว้างมากขึ้น มันเป็นอำนาจที่มาจากประชาธิปไตยที่ระบอบเผด็จการไม่สามารถกระทำได้
สำหรับกรณีไต้หวันจะเข้ามาอยู่ในกรอบความร่วมมือ Quad หรือไม่นั้น Pompeo เลี่ยงที่จะไม่ตอบคำถามแบบตรงไปตรงมา แต่ยืนยันความสัมพันธ์ฉันท์มิตรระหว่างไต้หวันว่าเป็นไปได้ด้วยดี สหรัฐฯ ยินดีร่วมมือกับประเทศต่างๆ ผ่านกรอบ ASEAN, APEC และผ่าน Quad หากมีความตึงเครียดทางทหารระหว่างช่องแคบไต้หวันและจีนโจมตีไต้หวันนั้น สหรัฐฯ พร้อมจะทำทุกวิถีทางที่จะลดความตึงเครียดนั้น
Quad ภายใต้ความร่วมมือที่มีสหรัฐฯ นำ จะไม่ยอมคุกเข่าสวามิภักดิ์จีน
Pompeo ยืนยันว่าสหรัฐฯ มีภารกิจที่จะสร้างสันติภาพมากกว่าความขัดแย้ง ถ้าหากต้องมีใครต้องยอมคุกเข่าสวามิภักดิ์จีน สหรัฐฯ ก็จะพยายามโต้กลับด้วยวิถีทางการทูตกับพร้อมหุ้นส่วนที่เขามี การทหารของสหรัฐฯ แข็งแกร่งมากในภูมิภาคนี้ เขามั่นใจว่าจะมีศักยภาพมากพอที่จะทำให้อินโด-แปซิฟิกมีเสรีภาพได้
นอกจากนี้ Pompeo ยังคงชูนโยบาย Clean Network เหมือนเมื่อครั้งเดินหน้ากระชับสัมพันธ์กับมิตรประเทศยุโรป เพื่อให้ระวังโครงข่ายภายในประเทศตนเอง ไม่ให้ความร่วมมือกับจีน จนถูกจีนนำข้อมูลส่วนตัวของประชาชนภายในประเทศไป จนในที่สุดก็มีการแบน 5G จีน ของอังกฤษเกิดขึ้น เป็นต้น และยังยืนยันเช่นเดิมว่าจะต้านโครงข่ายเทคโนโลยีอย่าง Huawei ที่เขามองว่ามันส่งผลกระทบต่อเสรีภาพและอำนาจอธิปไตยของประเทศใดประเทศหนึ่งที่ร่วมมืออยู่ด้วย
ที่มา – Nikkei Asia
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา