นอกจากชูเรื่องน้ำมันสดใหม่ บมจ.พีทีจี เอ็นเนอยี เจ้าของสถานีบริการน้ำมัน PT ยังพัฒนาธุรกิจต่อเนื่องเพื่อขึ้นสู่เบอร์หนึ่งในตลาด พร้อมส่งกลยุทธ์ใหม่เพื่อเพิ่มจำนวนบัตรสมาชิกแตะ 15 ล้านราย และต่อยอดธุรกิจด้านอื่นๆ
ฐานสมาชิกที่แข็งแกร่งเป็นอันดับ 2
ปัจจุบันจำนวนฐานสมาชิกของธุรกิจต่างๆ มีความสำคัญมากขึ้น เพราะธุรกิจเหล่านั้นสามารถเข้าใจพฤติกรรม และความชื่นชอบของลูกค้า ก่อนนำเสนอสินค้า หรือบริการ รวมถึงโปรโมชั่นต่างๆ ให้ถูกต้องกับแต่ละบุคคลที่สุด ทำให้บมจ.พีทีจี เอ็นเนอยี จึงเดินหน้าทำเรื่องนี้อย่างต่อเนื่องจนปัจจุบันมีฐานสมาชิกกว่า 14 ล้านราย
พร้อมศักดิ์ จรัญญากรณ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด และลูกค้าสัมพันธ์ บมจ.พีทีจี เอ็นเนอยี เล่าให้ฟังว่า หากเทียบฐานบัตรสมาชิกกับธุรกิจอื่นๆ บัตร PT Max Card มีจำนวนผู้ถือบัตรเป็นอันดับ 2 ของตลาด โดยสิ้นปี 2562 ปิดที่ 12.6 ล้านราย และสิ้นปีนี้จะเพิ่มเป็น 15 ล้านราย
“เรายอยากทำให้บัตร PT Max Card เป็นมากกว่าแค่บัตรสมาชิกเพื่อสะสมแต้มเวลาลูกค้าเข้ามาเติมน้ำมัน ดังนั้นการเพิ่มสิทธิประโยชน์ต่างๆ เข้าไปจำนวนมาก โดยเฉพาะการร่วมมือกับธุรกิจอื่นเพื่อนำคะแนนไปแลกเปลี่ยน ลูกค้าจึงหันมาสมัครบัตรดังกล่าวจนในแต่ละปีสามารถเติบโตได้ตามเป้าหมาย 2.5 ล้านราย/ปี ได้”
เสริมบริการเติมน้ำมันฉุกเฉินกระตุ้นยอด
ล่าสุดบมจ.พีทีจี เอ็นเนอยี ได้เปิดตัวบริการใหม่ PT Max Service ที่พร้อมช่วยเหลือลูกค้ากรณีน้ำมันหมด ผ่านการคิดค่าบริการ 100 บาท หรือใช้คะแนน PT Max Card 100 คะแนน พร้อมจ่ายค่าน้ำมันตามจริง โดยลูกค้าเพียงติดต่อมาที่เบอร์ 1614 และเจ้าหน้าที่จากสถานีบริการน้ำมันที่ใกล้เคียงจะเข้าไปบริการทันที
“เรากำหนดระยะให้บริการไว้ที่ 10 กม. เพราะถ้าไกลกว่านั้นลูกค้าอาจต้องรอนานเกินไป ส่วนค่าบริการ 100 บาทนั้นนอกจากจะช่วยป้องกันการแกล้งโทรแจ้งเหตุแล้ว ยังช่วยให้ค่าบริการช่วยเหลือฉุกเฉินนั้นสมเหตุผล เนื่องจากปัจจุบันค่าบริการตรงนี้ของบริษัทอื่นสูงกว่าที่ควรจะเป็น และถ้าเราทำได้ดี ลูกค้าก็เชื่อใจในเรามากว่าเดิม”
ทั้งนี้ PT Max Service ยังมีบริการติดต่อช่วยเหลือฉุกเฉินกรณีเกิดอุบัติเหตุฉุกเฉิน ซึ่งบริการนี้จะคิดค่าบริการตามจริง ผ่านการที่บมจ.พีทีจี เอนเนอยี เป็นคนกลางในการติดต่อ ที่สำคัญการที่บริษัทให้บริการนี้ได้ เนื่องจากมีสถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศกว่า 2,000 แห่ง โดยเป็นสาขาที่จะเปิดในปีนี้ถึง 200 แห่ง
ส่งธุรกิจใหม่เพิ่มความครบวงจร
ในทางกลับกันบมจ.พีทีจี เอนเนอยี ยังเดินหน้ารุกธุรกิจใหม่ในกลุ่มค้าปลีก เช่นธุรกิจจำหน่ายก๊าซหุงต้ม ซึ่งตัวธุรกิจนี้จะกระจายอยู่ตามสาขาของสถานีบริการน้ำมัน ปัจจุบันมีแล้ว 150 สาขา ที่สำคัญด้วยการเป็นแบรนด์ใหม่ในตลาด ทำให้กลุ่มพ่อค้า-แม่ค้าเชื่อใจ ผ่านการที่ตัวถังค่อนข้างใหม่
“ตอนนี้ทางกลุ่มเริ่มขยายธุรกิจใหม่ออกไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจ Fast-Fit, ร้านกาแฟ และค้าปลีกอื่นๆ เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ และอาศัยสาขาสถานีบริการน้ำมันที่บริษัทเป็นเจ้าของเองเกือบ 90% มาใช้ประโยชน์ให้สูงที่สุด จนสามารถเป็นมากกว่าธุรกิจขายน้ำมันได้”
สำหรับแนวคิดการพัฒนาสถานีบริการน้ำมันของบมจ.พีทีจี เอ็นเนอยี จะใช้จุดเด่นในแต่ละธุรกิจเป็นตัวดึงดูด เช่นร้านกาแฟพันธุ์ไทย, Max Mart หรืออื่นๆ เพื่อดึงผู้บริโภคเข้ามาใช้บริการ ต่างกับคู่แข่งที่พยายามสร้างเป็นชุมชน และหาบริการอื่นๆ มาเชื่อมต่อผู้บริโภค
สรุป
ปัจจุบันในแง่จำนวนสถานีบริการน้ำมัน บมจ.พีทีจี เอนเนอยี ที่ให้บริการสถานีบริการน้ำมัน PT เป็นเบอร์หนึ่งในแง่จำนวนไปแล้ว แต่ถ้ามองในเรื่องยอดขายกลุ่มค้าปลีก บริษัทยังเป็นเบอร์สองอยู่ แต่หากการเดินหน้ายังตามแผนแบบนี้อยู่ ก็ไม่แน่ที่สถานีบริการน้ำมัน PT จะกลายเป็นผู้เล่นเบอร์หนึ่งของตลาดในอนาคตก็เป็นได้
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา