โควิด-19 น่าจะระบาดยาวนาน จนธุรกิจต่างๆ ต้องปรับกลยุทธ์รับมือกับวิกฤตที่ถาโถม ล่าสุด Burger King ก็ปรับธุรกิจรับมือโรคระบาดที่จะยังอยู่กับเราไปยาวๆ หรือจนกว่าจะมีวัคซีน
สิ่งที่ Burger King เตรียมทำและเพิ่งเผยให้เห็นคือการออกแบบร้านใหม่ โดยเตรียมสร้างเป็นต้นแบบในปีหน้าในไมอามี ลาตินอเมริกา และแคริบเบียน ทั้งนี้ Josh Kobza COO (Chief Operating Officer: กรรมการผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ) ระบุว่า เริ่มมองไปถึงปี 2021 แล้ว และเตรียมแผนพัฒนา Burger King ทั่วโลก
แผนเด่นๆ ที่ Burger King เริ่มทำ คือการทำเลนสำหรับ drive-thru 2 เลน สามารถรับอาหาร (pick up) ข้างทางได้ และยังจัดทำเมนูแบบดิจิทัลด้วย โดยรูปแบบใหม่ที่จะให้บริการลูกค้านี้ ลูกค้าสามารถขับรถเข้าไปยังจุดที่ออกแบบไว้ให้ สามารถสั่งอาหารผ่านแอปพลิเคชัน และยังให้บริการเดลิเวอรี่อาหารให้ถึงรถได้ด้วย พวกเขาจะเห็นเลน drive-thru ถึง 3 เลน เลนหนึ่งจะไว้สำหรับคนขับเพื่อส่งอาหาร อีกสองเลนก็ไว้สำหรับบริการลูกค้า
เมื่อลูกค้ามาถึง สามารถสั่งผ่านหน้าต่างได้ ร้านอาหารก็อาจจะทำให้ขนาดเล็กลงกว่าเดิมด้วย นอกจากนี้ก็ยังมีรูปแบบให้บริการที่ไม่ต้องมีห้องอาหาร ให้ขับรถเข้ามาสั่งอาหารและก็ไป ทั้งนี้ Burger King เพิ่งจะออกแบบร้านอาหารและทดลองให้บริการไม่กี่ปีนี้เอง แต่โรคระบาดโควิดถือเป็นตัวเร่งสำคัญที่ทำให้เทรนด์การเปลี่ยนแปลงนี้กลายเป็นเรื่องที่แบรนด์ต้องเร่งทำจริงจัง
การขับรถเข้ามาสั่งอาหารและไป รวมทั้งการเดลิเวอรี่เพิ่งจะมีความสำคัญกับ Burger King มากขึ้นก็ช่วงที่มีโควิดระบาดอย่างหนัก หลังจากที่การอนุญาตให้เข้าไปทานในร้านอาหารถูกแบนและถูกจำกัดมากขึ้นเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ
ไตรมาสที่ 2 ที่ผ่านมา ยอดขายผ่าน drive-thru นี้เพิ่มขึ้นมากถึง 85% จากยอดขายทั้งหมดในสหรัฐ เปรียบเทียบกับยอดขายจากร้านอาหารปีก่อนหน้ามีเพียง 67% เท่านั้น Burger King ในสหรัฐฯ ทั้งหมดมีราวๆ 7,300 สาขา มีกว่า 6,500 สาขาที่มี drive-thru แล้ว
นับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นมา Burger King เพิ่งจะเพิ่มการให้บริการบบ Delivery เข้าไปในร้านอาหารกว่า 2,000 แห่ง ตอนนี้กว่า 6,100 สาขาจำเป็นต้องมีบริการ Delivery แล้ว
Burger King ทำธุรกิจอยู่ทั่วโลกราว 18,800 แห่ง แนวคิดที่จะพัฒนาเทรนด์ร้านอาหารจากนี้ไป คือเน้นโหมด Delivery ให้บริการแบบ pick-up สั่งอาหารผ่านแอปพลิเคชันได้ และ Go Mobile มากขึ้น
ที่มา – CNN
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา