ใหญ่จนใส่ถุงไม่ได้ The Pizza Company เปิดตัวพิซซ่าแบบใหม่ ใหญ่ 18 นิ้ว ดึงคนเข้าหน้าร้าน

The Pizza Company หนึ่งในแบรนด์พิซซ่ายอดนิยมในเครือ Minor Food ในช่วงสถานการณ์โควิดต้องปิดร้านชั่วคราวไป 30 สาขา และปิดถาวรไปอีก 5 สาขาทั่วประเทศ แม้ในช่วงนี้สถานการณ์จะดีขึ้นแล้วแต่ยอดขายที่หน้าร้านกลับมาได้เพียง 50% เมื่อเทียบกับยอดขายในช่วงก่อนโควิด-19 ระบาดเท่านั้น

กลยุทธ์สำคัญของ The Pizza Company ที่จะช่วยเพิ่มยอดขายให้กลับมาสู่ภาวะปกติได้เร็วที่สุด คือ การเปิดตัวเมนูพิซซ่าใหม่ที่สามารถรับประทานได้เฉพาะที่ร้านเท่านั้น ด้วยจุดเด่นพิซซ่าแบบนิวยอร์ก XXL ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 18 นิ้ว ใหญ่จนใส่ถุงใส่กล่องสำหรับเดลิเวอรีไม่ได้ เพื่อดึงคนกลับเข้าร้าน

ภาณุศักดิ์ ซื่อสัตย์บุญ ผู้จัดการทั่วไป The Pizza Company

ภาณุศักดิ์ ซื่อสัตย์บุญ ผู้จัดการทั่วไปของ The Pizza Company ในเครือ Minor Food เล่าว่า เมนูพิซซ่าสไตล์นิวยอร์ก เป็นเนื้อแป้งแบบโฮมเมด อยู่ตรงกลางระหว่างแป้งบางกรอบ และหนานุ่ม มีทั้งหมด 14 หน้าให้เลือก และหน้าใหม่ คือ ทรัฟเฟิ้ลแฮมเบคอน พร้อมด้วยเมนูอื่นๆ เช่น ปีกไก่บัฟฟาโล่ นิวยอร์กแมคแอนชีส พอร์คริบส์ และนิวยอร์กชีสเค้ก

พิซซ่าสไตล์นิวยอร์ก นับว่าเป็นความท้าทายอย่างหนึ่ง ด้วยขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของพิซซ่าที่ใหญ่ถึง 18 นิ้ว ทำให้อุปกรณ์ต่างๆ ต้องทำขึ้นใหม่ โดยเฉพาะถาดพิซซ่า ที่ไม่เคยมีขนาดใหญ่เท่านี้มาก่อน

การจัดวางอาหาร จะมีกระดาษรอง และอุปกรณ์อื่นๆ เพื่อตกแต่งโต๊ะให้ลูกค้าสามารถถ่ายรูปได้อย่างสวยงาม

พิซซ่ายุคนี้ แค่อร่อยอย่างเดียวไม่พอ ต้องถ่ายรูปได้ด้วย

ไม่ใช่แค่เมนูพิซซ่าแบบใหม่ ที่เน้นความใหญ่ 18 นิ้ว จนไม่สามารถเลือกสั่งกลับไปทานที่บ้าน หรือเดลิเวอรีได้แล้ว The Pizza Company จึงใช้กลยุทธ์ Instagramable เข้ามาจับฐานลูกค้าส่วนใหญ่ ที่เป็นกลุ่มคนอายุ 15-30 ปี ที่ชอบถ่ายรูปก่อนทาน ด้วยอุปกรณ์ตกแต่งโต๊ะ ที่จะนำมาวางให้เมื่อสั่งเมนูใหม่นี้ เพื่อให้ลูกค้าสามารถถ่ายรูปได้อย่างสวยงามมากขึ้น

กลยุทธ์ The Pizza Company ดึงลูกค้ากลับเข้าร้าน

กลยุทธ์ดึงลูกค้ากลับเข้าหน้าร้านของ The Pizza Company นับว่ามีความน่าสนใจอย่างมาก เพราะในขณะนี้ยอดขายอยู่ในระดับ 50% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาปกติ แม้ว่าสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทยจะดีขึ้น จนคนกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้แล้ว แต่เมื่อคนกลับเข้ามาในห้างสรรพสินค้า คนส่วนใหญ่เลือกที่จะไม่ทานพิซซ่า เพราะพิซซ่า เป็นอาหารที่สั่งเดลิเวอรีในช่วงล็อคดาวน์จนเบื่อไปแล้ว

ทำให้ยอดขายของ The Pizza Company สาขาที่ตั้งอยู่ในเมือง โดยเฉพาะย่านสยามสแควร์ หายไป 70-80% ส่วนสาขาที่ขายดีกลับเป็นสาขานอกเมือง เช่น ย่านองครักษ์ ลำลูกกา และในจังหวัดสงขลา

การจะดึงดูดลูกค้าให้กลับเข้ามาทานอาหารที่ร้านอีกครั้ง จึงต้องใช้เมนูใหม่ๆ ที่ทานได้ที่ร้านเท่านั้น ไม่สามารถเลือกสั่งเดลิเวอรี หรือสั่งกลับไปทานที่บ้านได้ เข้ามาเป็นจุดดึงดูด เพราะพิซซ่าขนาดใหญ่ถึง 18 นิ้ว ยังไม่เคยมีมาก่อน ซึ่ง The Pizza Company คาดหวังว่ายอดขายของหน้าร้านจะกลับมาสู่ระดับ 70-80% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาปกติ

ราคา สร้างความคุ้มค่าให้พิซซ่าหน้ายักษ์

โดยปกติแล้วพิซซ่าของ the Pizza Company จะมีราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 239 บาท หากเป็นพิซซ่าแป้งบางกรอบ ขนาดกลาง แต่พิซซ่านิวยอร์ก ขนาดใหญ่ 18 นิ้ว มีราคาเพียง 399 บาท จากราคาปกติ 569 บาทเท่านั้น ลูกค้าจึงอาจตัดสินใจลองเมนูแบบใหม่ได้ไม่ยาก ด้วยราคาที่เพิ่มขึ้นเพียงร้อยกว่าบาท แต่ได้พิซซ่าขนาดใหญ่ และแปลกใหม่ ไม่เหมือนใคร

ไม่เน้นสงครามราคา แต่เน้นสร้างนวัตกรรมเมนูอาหารใหม่ๆ

แม้ว่าที่ผ่านมาเราจะเห็นตลาดร้านอาหารพิซซ่า แข่งขันกันด้วยการลดราคา หรือจัดโปรโมชัน 1 แถม 1 มาตลอด ซึ่งโดยปกติ The Pizza Company จะมีการจัดโปรโมชัน 1 แถม 1 ในช่วงเดือนมีนาคม ของทุกๆ ปี ในโอกาสวันครบรอบของแบรนด์ แต่อย่างไรก็ตามการสร้างเมนูพิซซ่าใหม่ๆ ก็มีความสำคัญในการแข่งขันที่มีความรุนแรง

สรุป

ความพยายามในการทำพิซซ่าขนาดใหญ่ เส้นผ่านศูนย์กลาง 18 นิ้วของ The Pizza Company ที่ต้องทานที่หน้าร้านเท่านั้น นับว่ามีความน่าสนใจอย่างมาก เพราะเมนูพิซซ่าแบบเดิมๆ คนอาจเบื่อ เนื่องจากเคยทานในช่วงล็อคดาวน์อยู่บ่อยๆ แต่อย่างไรก็ตามตลาดเดลิเวอรีเป็นตลาดที่กำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ยังมีลูกค้าอีกหลายคนที่อยากทานพิซซ่าแบบใหม่ๆ ที่ไม่เคยทาน ดังนั้นหากในอนาคตมีการลดขนาดพิซซ่านิวยอร์กลง หรือขายแยกชิ้นเพื่อทานแบบพออิ่มคนเดียว อาจทำให้ The Pizza Company เข้าถึงลูกค้าในกลุ่มที่หลากหลายมากขึ้น

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา