หลายเอเยนซี่ยังมองว่าการถ่ายทอดสดกีฬายังเป็นทางออกของธุรกิจโทรทัศน์ แต่ตอนนี้มันอาจไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องแล้ว เพราะล่าสุดเรตติ้งของ NFL อีกกีฬามหาชนของแดนมะกัน ลดลงอย่างต่อเนื่อง
SVOD คู่แข่งใหม่ที่ไม่ใช่ Primetime ช่องอื่น
ถึงคู่ชิง Super Bowl ปีนี้จะสูสีจนกว่าจะจบเกมก็ต้องต่อเวลา และการแสดงช่วง Halftime Show ก็ติดตราตรึงใจผู้ชม แต่พอย้อนดูทั้งฤดูกาลของ NFL แล้วกลับพบว่า ยอดผู้รับชมนั้นลดลงอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากมาถึงของแพลตฟอร์ม SVOD หรือ Subscription Video-on-Demand เช่น Netflix และ Amazon Prime Video ทำให้ผู้บริโภคมีสิทธิ์เลือกที่จะรับชมรายการต่างๆ ด้วยตนเอง จนทำให้คู่แข่งรายการถ่ายทอดสดกีฬา NFL เปลี่ยนจากช่วงรายการ Primetime ของช่องอื่นๆ เป็นรายการที่ฉายอยู่บน Smartphone หรือ Tablet แทน
โดยหากย้อนดูตั้งแต่ก่อนเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เรตติ้งการรับชม NFL นั้นลดลงถึง 12% เมื่อเทียบกับปี 2558 และพอขยับเข้ามาช่วงเลือกตั้งที่ดึงความสนใจชาวมะกันไปมาก เรตติ้งก็ยังลงอีก โดยช่วงฤดูลกาลปกติจะลดลง 9% และช่วง Playoffs หรือช่วงการแข่งขันโค้งสุดท้ายจะลดลง 5% ซึ่งตัวเลขดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงปัจจัยเรื่องการเลือกตั้งไม่ได้เกี่ยวข้องกับบการรับชมการถ่ายถอดสด NFL เลย ที่สำคัญ Tim Nollen นักวิเคราะห์ธุรกิจสื่อ ธนาคาร Macquarie ย้ำว่า กำแพงของผู้บริโภคได้สิ้นสุดลงแล้ว ไม่แปลกที่รายการในโทรทัศน์จะได้รับความนิยมลดลง
รายการถ่ายทอดสดอื่นๆ ก็เจอเรื่องนี้
ไม่ใช่แค่รายการถ่ายทอดสดกีฬาอย่าง NFL จะเจอกับผลกระทบเรื่องยอดผู้ชมลดลง แต่รายการถ่ายทอดสดอื่นๆ ก็เป็นเหมือนกัน เช่นการแพร่ภาพรายการแข่งขัน Olympic ทางช่อง NBC ในสหรัฐอเมริกา เมื่อปี 2559 ก็เรตติ้งตกลงถึง 17% เมื่อเทียบกับปี 2555 นอกจากนี้รายการถ่ายทอดสด MTV Video Music Award หรือ VMAs ครั้งล่าสุด ก็มียอดผู้ชมเพียง 6.5 ล้านคน ลดลงจากปีก่อนถึง 34% ดังนั้น Content รายการถ่ายทอดสดอาจไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของธุรกิจโทรทัศน์หลังจากมีบริการ SVOD เข้ามาช่วงชิงตลาด
อย่างไรก็ตามเมื่อตรวจสอบในฝั่งโฆษณา การถ่ายทอดสด NFL กลับมีแบรนด์ต่างๆ สนใจลงโฆษณาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยสิ้นปี 2559 มีการลงโฆษณายาว 30 วินาทีกว่า 70 ตัว ระหว่างการถ่ายทอดสดฤดูลกาลปกติ เพิ่มขึ้นจากปี 2551 ที่มีอยู่ราว 65 ตัว แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของแบรนด์เกี่ยวกับ Content ถ่ายทอดสดนี้อยู่ แต่เมื่อกระแสลดลงแบบนี้ ยอดโฆษณาอาจลดลงก็ได้ ซึ่งทาง NFL ก็มีการปรับตัวโดยส่งบริการรับชมแบบ SVOD ออกมาในชื่อ NFL Game Pass โดยมีค่าสมาชิกอยู่ที่ 39.99 ดอลลาร์สหรัฐ รับชมได้ทั้งฤดูกาล บนหลายแพลตฟอร์ม
สรุป
การถ่ายทอดสดอาจไม่ใช่คำตอบสุดท้ายในอุตสาหกรรมโทรทัศน์แล้ว เพราะขนาด Big Name อย่าง NFL ยังเรตติ้งตก ซึ่งกรณีนี้ก็เปรียบเทียบได้กับการนำกีฬาถ่ายทอดสดมาแพร่ภาพบนทีวีดิจิทัลของไทย เพราะถึงตอนนี้ยังมีคนดู รวมถึงขายโฆษณาได้ แต่ในอนาคตอาจไม่ใช่อย่างนั้นแล้ว เพราะถ้า SVOD ได้รับความนิยมในไทยเมื่อไหร่ โอกาสของพวกเขาก็ยากขึ้นแน่นอน
อ้างอิง // The NFL season is over — but its ratings problem might be just starting
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา