ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แนวโน้มการหางานเป็นเรื่องที่ยาก สวนทางกับกระแสการปลดพนักงานของบริษัทใหญ่ๆ ทั่วโลก แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่มีบริษัทไหนที่กำลังต้องการรับสมัครพนักงานเพิ่มเลย ซึ่งที่ประเทศญี่ปุ่น บริษัทหลายแห่งหันไปใช้การสัมภาษณ์งานผ่านระบบออนไลน์แทน เพื่อแก้ไขสถานการณ์ในช่วงโควิด-19
แม้ว่าการสัมภาษณ์งานออนไลน์จะดูมีข้อดี คือ บริษัทสามารถสัมภาษณ์งานได้ตามปกติ ได้พนักงานเข้าไปทำงานตามที่ต้องการ โดยไม่ต้องรอให้โควิด-19 หยุดระบาดก่อน ผู้เข้าสัมภาษณ์ก็ไม่ต้องเดินทางออกไปไหน มีโอกาสได้งานแม้อยู่ในบ้านของตัวเอง รวมถึงการสัมภาษณ์งานออนไลน์ยังสามารถดึงดูดนักศึกษาจบใหม่เก่งๆ ที่กำลังหางานทำ จากพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศให้เข้ามาร่วมสัมภาษณ์งานได้ง่ายขึ้น บริษัทก็มีแนวโน้มว่าจะได้คนเก่งๆ เข้าไปทำงานมากขึ้นเช่นกัน
สัมภาษณ์งานออนไลน์ ดีจริงหรือ?
แต่ความจริงแล้วการสัมภาษณ์งานออนไลน์ก็ไม่ได้มีแต่ข้อดีเท่านั้น เพราะที่ประเทศญี่ปุ่นมีการเก็บผลสำรวจทั้งจากนักศึกษาที่เคยสัมภาษณ์งานออนไลน์ 232 คน และเจ้าหน้าที่จากบริษัท 176 แห่ง ในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม พบว่า นักศึกษาเพียง 43.4% และเจ้าหน้าที่ของบริษัท 55.1% เท่านั้น ที่มองว่าการสัมภาษณ์งานออนไลน์ จะทำให้ได้งาน ซึ่งต่ำกว่าการสัมภาษณ์แบบปกติถึง 35.1% และ 23.7% ตามลำดับ
นอกจากนี้นักศึกษาชาวญี่ปุ่นที่เคยสัมภาษณ์งานออนไลน์ยังเล่าว่า การสัมภาษณ์งานออนไลน์ทำให้เดารายละเอียดของงาน บรรยากาศในที่ทำงาน และเพื่อนร่วมงานได้ยากกว่าการสัมภาษณ์แบบปกติ โดยที่ผ่านมาในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 บริษัทญี่ปุ่นกว่า 95.6% ใช้การสัมภาษณ์งานออนไลน์ในรอบแรก และอีกกว่า 58.1% ใช้การสัมภาษณ์ออนไลน์ทั้งหมดจนถึงการสัมภาษณ์รอบสุดท้าย
ความแตกต่างระหว่างการสัมภาษณ์งานแบบปกติ และการสัมภาษณ์งานออนไลน์ คือ การสัมภาษณ์งานออนไลน์มีแนวโน้มใช้เวลาในการสัมภาษณ์น้อยกว่า เพราะความไม่คุ้นเคย ทำให้บางครั้งคำถามที่ถามก็มีความซับซ้อนน้อยกว่าด้วยเช่นกัน
ส่วนในมุมมองของนักศึกษาที่ได้มีโอกาสสัมภาษณ์งานออนไลน์ พบว่ากว่า 51.1% รู้สึกไม่ชอบที่ต้องโชว์พื้นที่ส่วนตัวในขณะที่สัมภาษณ์งาน ส่วนบริษัทกว่า 14.7% ก็กังวลเช่นกันว่าจะมีการแอบบันทึกคลิปการสัมภาษณ์แล้วนำไปเผยแพร่ผ่านทางอินเตอร์เน็ต
ที่มา – japantoday
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา