เวียดนามเตรียมดัน Vinh City เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรม แก้ไขความยากจนอย่างยั่งยืนภายในปี 2030
Vinh City หรือเมืองวินห์เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ใจกลางจังหวัดเหงะอัน (Ngha An) ห่างจากฮานอยเมืองหลวงของเวียดนาม 300 กิโลเมตร และห่างจากโฮจิมินห์ 1,400 กิโลเมตร ปัจจุบันมีประชากรทั้งหมดประมาณ 435,000 คน
ในอดีตวินห์เคยถูกจัดให้เป็นเมืองที่ยากจนที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศเวียดนาม เนื่องจากสภาพอากาศที่แปรปรวนจากอิทธิพลของทะเลจีนใต้ น้ำท่วมหนักตลอดปี และดินมีคุณภาพต่ำไม่เหมาะแก่การทำการเกษตร เศรษฐกิจของเมืองขึ้นอยู่กับอุตสาหกรรมเบา (สิ่งทอ การเกษตร อาหารทะเลแปรรูป) การค้า และการศึกษา มีโครงสร้างพื้นฐานของเมืองไม่เพียงพอต่อความต้องการและการเติบโตของประชากรในขณะนั้น (อ้างอิงจากรายงานของ UN-HABITAT ปี 2003)
ในปัจจุบันวินห์ได้กลายมาเป็นหนึ่งในเมืองที่มีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่น่าจับตามองจากการผลักดันของคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามตามแผนการปฎิรูปการเกษตรและพื้นที่ชนบท (Resolution 26-NT/TW) ให้กลายเป็นฐานการผลิตขนาดใหญ่ มีประสิทธิภาพสูง และมีความทันสมัยมากขึ้นของเวียดนาม
รัฐบาลเวียดนามได้มีความพยายามที่จะผลักดันให้วินห์กลายเป็นจุดเชื่อมต่อทางการค้าระหว่างประเทศและพยายามส่งเสริมให้เกิดการร่วมมือและการบูรณาการทางเศรษฐกิจ เนื่องจากประโยชน์ของทำเลเมืองวินห์ที่อยู่ในแนวพื้นที่เศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตกที่เชื่อมระหว่างเวียดนาม ลาว ไทย และพม่า (East-West Economic Corridor: EWEC) และพื้นที่เลียบชายฝั่งที่ติดกับพื้นที่เศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
พัฒนาการของเมืองวินห์ในระยะเวลา 15 ปีที่ผ่านมา (2005-2020) อยู่ภายใต้กรอบของการพัฒนาเศรษฐกิจควบคู่กับสังคม โดยมีเป้าหมายในการพัฒนาคือความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจผ่านการขยายและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเมือง และการฝึกฝนทรัพยากรบุคคล พร้อมๆ กับการผลักดันเอกลักษณ์ของเมืองให้กลายเป็นเมืองแห่งวัฒนธรรม
ปัจจุบันเมืองวินห์เป็นเมืองที่ก่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มอยู่ที่ประมาณ 25-30% ของ GDP ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในจังหวัดเหงะอันซึ่งมูลค่าเพิ่มเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 141.7 ล้านดอง หรือประมาณ 1.9 แสนบาทต่อคน และกำลังจะกลายเป็นหนึ่งในเมืองศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมประจำภาคเหนือตอนกลางของเวียดนามภายในปี 2030
โดยรัฐบาลตั้งใจให้เมืองวินห์เป็นศูนย์กลางทางการเงิน การค้า การท่องเที่ยว วิทยาศาสตร์ กีฬา อุตสาหกรรมไฮเทค เทคโนโลยี ไอที สุขภาพ วัฒนาธรรม การศึกษา และการท่องเที่ยว และตั้งเป้าว่าเมืองจะมีการอัตราการเติบโตของมูลค่าเพิ่ม (value added) อยู่ที่ประมาณ 10-11 % ในช่วงปี 2020-2023 (เปรียบเทียบกับราคาปี 2010)
โครงการพัฒนาเมืองวินห์ไม่ได้ทำขึ้นเพื่อผลักดันให้เมืองเป็นแค่ศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมเท่านั้น แต่ยังมีเป้าหมายในการลดอัตราความยากจนของครัวเรือนภายในพื้นที่นั้นให้ต่ำกว่า 0.25% ภายในปี 2030 และแก้ปัญหาความยากจนอย่างยั่งยืน
ที่มา: Vinhcity Gov, Thansettakij, VGP News, UN-HABITAT
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา