ด้วยพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปในช่วงวิกฤต COVID-19 ธุรกิจต่างๆ ก็ต้องปรับตัวตามกระแสดังกล่าว ล่าสุดคือ Uber ที่เริ่มคิดบริการ 50 ดอลลาร์สหรัฐ/ชม. เพื่อตอบโจทย์การใช้งานบริการร่วมเดินทางในวิกฤตนี้
ไม่ต้องกังวลว่าต้องขึ้นรถยนต์หลายคัน
การใช้งานบริการร่วมเดินทางอาจค่อนข้างมีปัญหาในช่วง COVID-19 เพราะผู้ใช้บริการไม่มั่นใจว่าผู้ขับจะไปรับใครมาบ้าง และผู้ขับเองก็ไม่ไว้ใจผู้โดยสารเช่นกัน ซึ่งจากข้อร้องเรียนนี้เองทำให้ Uber เตรียมเปิดบริการคิดค่าโดยสารรายชั่วโมง เริ่มต้นที่ 50 ดอลลาร์/ชม. (ราว 1,600) ในบางรัฐของสหรัฐอเมริกาตั้งแต่วันที่ 2 มิ.ย.
ทั้งนี้การคิดค่าโดยสารของ Uber โดยปกติจะคิดจากระยะทางรวมกับเวลา แต่การคิดค่าบริการรายชั่วโมงนั้น Uber ตั้งเป้าว่าจะตอบโจทย์การใช้งานไปซื้อสินค้า, ร้านขายยา และพบแพทย์ เพราะผู้โดยสารสามารถเหมาชั่วโมง และเดินทางไปได้ตามจุดหมายที่ต้องการ
อย่างไรก็ตามการคิดค่าบริการเหมารายชั่วโมงของ Uber ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้น เพราะก่อนหน้านี้เคยให้บริการที่ออสเตรเลีย, แอฟริกา, ยุโรป และกลุ่มประเทศตะวันออกกลางมาแล้ว แต่เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค Uber เปิดให้ผู้โดยสาร และผู้ขับสามารถยกเลิกบริการได้ทันทีหากฝ่ายตรงข้ามไม่สามหน้ากากอนามัย
ในทางกลับกัน Uber มีรายได้หลักจากบริการร่วมเดินทาง และรายได้ตัวนี้ลดลงถึง 80% ทั่วโลกในเดือนเม.ย. แสดงให้เห็นถึงวิกฤตของธุรกิจที่ถูกโรค COVID-19 โจมตีอย่างหนัก แต่ถึงอย่างไร Uber แจ้งว่า ความต้องการใช้งานในเดือนพ.ค. เริ่มกลับมาแล้ว แต่ก็ต้องปลดพนักงานเพื่อประคองบริษัทให้อยู่รอด
สรุป
ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่ Uber จะผ่านพ้นวิกฤตนี้ แต่ถึงอย่างไรการปรับตัวด้วยการออกบริการที่ตอบโจทย์โรคระบาดครั้งนี้ก็น่าจะช่วยธุรกิจได้ไม่มากก็น้อย และคงต้องตับตากันต่อไปว่า Uber จะเดินหน้าธุรกิจในท่าไหนอีกบ้าง เพราะปัจจุบันการพลิกฟื้นธุรกิจให้กลับมาเติบโตอย่างก้าวกระโดดไม่ใช่เรื่องง่าย
อ้างอิง // Autoblog
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา