ตอนนี้ BMW ต้องปรับตัวอย่างมาก เพราะในปี 2562 มีผลกำไรลดลงถึง 29% เมื่อเทียบกับปีก่อน เพราะนำเงินไปลงทุนรถยนต์ไฟฟ้าจำนวนมาก แถมยังเจอปัญหากฎหมายเกี่ยวกับมลพิษในยุโรป
เกมรถยนต์ไฟฟ้าที่ต้องกล้าเสี่ยง
การลงทุนรถยนต์ไฟฟ้า และเทคโนโลยีใหม่ๆ ในอุตสาหกรรมรถยนต์ต้องใช้เม็ดเงินจำนวนมาก จึงไม่แปลกที่ผู้ผลิตรถยนต์หลายรายต้องเจอปัญหากำไรหด ซึ่ง BMW ก็คือหนึ่งในนั้น เพราะกำไรหดตัวเหลือ 5,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.74 แสนล้านบาท) จากรายได้ 1.15 แสนล้านดอลลาร์ (ราว 3.65 ล้านบาท)
เมื่อทุกอย่างลดลงก็ไม่แปลกที่ BMW ต้องควบคุมต้นทุน จึงเป็นที่มาของการลดกลุ่มเครื่องยนต์สันดาปภายในลง 50% แม้จะไม่ได้ระบุว่าจะเป็นเครื่องยนต์แบบใดบ้าง แต่เชื่อว่าน่าจะมีเครื่องยนต์ดีเซล, เครื่องยนต์เบนซิน V8 และ V12 เพราะเครื่องยนต์เปล่านี้ปล่อยมลพิษค่อนข้างมาก
ขณะเดียวกันยังลดแผนการทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อควบคุมต้นทุนด้วย ที่ชัดเจนที่สุดคือการเลิกทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าล้วนรุ่น iX3 ในสหรัฐอเมริกา รวมถึงยกเลิกการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า Plug-in Hybrid รุ่น i8 แต่จากข่าวร้ายก็ยังมีเรื่องดีอยู่บ้าง เพราะแผนการทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของ BMW จะช่วยลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ลง 20%
สำหรับการปล่อยมลพิษลดลงจะมาจากการพัฒนาเครื่องยนต์สันดาปภายในให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าขึ้นมาทดแทนรุ่นเก่าๆ โดย BMW คาดว่าสิ้นปี 2564 จะมีการจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าล้วน และ Plug-in Hybrid รวม 1 ล้านคัน และตอนนี้ทางกลุ่มมีรถยนต์ไฟฟ้าล้วนคือรุ่น i3 และ Mini Cooper SE
สรุป
การทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของ BMW ก็เริ่มควบคุมต้นทุนการผลิตได้บ้าง เพราะมันสามารถใช้ไลน์ผลิตร่วมกับรถยนต์สันดาปภายใน และ Plug-in Hybrid ได้ แต่ถึงอย่างไรมันก็ยังต้องมีราคาสูงอยู่ดี ดังนั้นคงต้องรอดูกันว่า BMW จะเปลี่ยนแปลงไปทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าล้วนได้เร็วแค่ไหน
อ้างอิง // Electrek
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา