ถ้าพูดถึงการซื้อสินค้าออนไลน์ การชำระเงินผ่านบัตรเครดิตก็น่าจะสะดวกที่สุด และเหตุนี้เองทำให้ Amazon บูมตลาดนี้อีกครั้ง ด้วยการให้สิทธิประโยชน์ที่ไม่เคยมีมาก่อน
Cash Back 5% และไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียม
บัตรเครดิตของ Amazon ใบใหม่นี้ใช้ชื่อว่า Amazon Prime Rewards Visa Signature Card โดยยักษ์ E-commerce รายนี้ร่วมกับธนาคาร JPMorgan Chase เพื่อออกบัตร โดยชูสิทธิประโยชน์เรื่องการได้เงินคืน 5% ทุกยอดใช้จ่ายบนเว็บไซต์ Amazon.com รวมถึงได้เงินคืน 1-2% ในร้านอาหาร, ปั๊มน้ำมัน และร้านขายยาที่ร่วมรายการ ที่สำคัญบัตรใบนี้ยังไม่มีค่าธรรมเนียมรายปี รวมถึงค่าธรรมเนียมอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศอีกด้วย ถือว่าดีกว่าบัตรก่อนหน้านี้ที่ได้เงินซื้อเมื่อซื้อสินค้าบน Amazon.com แค่ 3%
ขณะเดียวกันตัวบัตรนี้สามารถสะสมคะแนนได้ โดยทุกการใช้จ่าย 1 ดอลลาร์สหรัฐ จะได้แต้ม 100 คะแนน และถ้าสะสมครบ 2,000 คะแนนสามารถแลกคืนเป็นเงินสดได้ โดยคะแนนนั้นไม่มีวันหมดอายุ และไม่มีขั้นสูงสุดในการสะสม แต่ถึงอย่างไรการสมัครบัตรนี้ได้ต้องเป็นสมาชิก Amazon Prime ที่มีค่าใช้จ่ายรายปี 99 ดอลลาร์ แต่ก็ได้สิทธิ์ส่งสินค้าฟรีภายใน 2 วัน, รับชมรายการโทรทัศน์ และภาพยนตร์แบบ Streaming รวมถึงบริการอื่นๆ ของบริษัท ซึ่งผู้ใช้ Amazon Prime ที่มีบัตรเครดิต Amazon อยู่แล้วจะได้อัพเกรดทันที
แล้ว E-commerce ไทยล่ะถึงเวลาหรือยัง
ไม่ใช่แค่นั้น Amazon ยังส่งโปรโมชั่นกระตุ้นการใช้งานของลูกค้าใหม่ผ่านการให้ Gift Card มูลค่า 70 ดอลลาร์ ให้กับผู้ใช้งานธรรมดาที่ยังไม่สมัคร Amazon Prime เพื่อเพิ่มยอดบัตรเครดิตใบใหม่ให้มากขึ้นด้วย และโอกาสที่คนไทยจะใช้บริการนี้ก็อาจกำลังใกล้เข้ามา เพราะตอนนี้ Amazon เริ่มเข้ามาตั้งสำนักงานในประเทศสิงคโปร์ เพื่อรุกตลาดไทย และเอเขียตะวันออกเฉียงใต้ แต่เหมือนยังเน้นที่การสนับสนุนผู้ค้าในพื้นที่นี้ส่งสินค้าไปจำหน่ายบนแพลตฟอร์ม Amazon มากกว่าทำตลาดกับผู้บริโภคทั่วไป
ในทางกลับกัน เมื่อกลับมาดูในประเทศไทย E-commerce ที่นี่เติบโตเร็วมาก และถ้าอ้างอิงข้อมูลของสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) หรือสพธอ. ก็พบว่ามีมูลค่ามากกว่า 2.5 ล้านล้านบาทแล้ว รวมถึงการชำระเงินส่วนใหญ่ก็มาจากบัตรเครดิต ดังนั้น E-commerce ใหญ่ๆ เช่น Lazada ก็อาจวางแผนทำบัตรเครดิตของตนเองออกมาก็ได้ เพื่อสร้างสิทธิประโยชน์ได้ดีที่สุด จากเดิมที่ต้องไปร่วมกับธนาคารหลายๆ เจ้า เพื่อสร้างโค้ดพิเศษในการมอบส่วนลดแค่เฉพาะบางเวลา
สรุป
เชื่อว่าหลังจากนี้ E-commerce รายใหญ่จะทำบัตรเครดิตของแบรนด์ตัวเองออกมาแน่นอน คล้ายกับกรณีของบัตรเครดิต The Mall, Central และ Tesco Lotus ที่ช่วยสร้าง Loyalty ให้กับร้านค้าปลีก และดึงผู้บริโภคเข้ามาใช้บริการอยู่ตลอด ผ่านสิทธิประโยชน์ที่บัตรเครดิตของธนาคารอื่นๆ ให้ไม่ได้
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา