ยังคงอาการหนักอย่างต่อเนื่องสำหรับกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์จากอังกฤษอย่าง Jaguar Land Rover เพราะ 3 เดือนสุดท้ายของปี 2562 มียอดขายลดลง 2.3% จนต้องประกาศหยุดโรงงานผลิตในบางวันเพื่อควบคุมต้นทุน
ดีเซลไปไม่ได้-จีนก็ขายลำบาก
อุตสาหกรรมรถยนต์ในตอนนี้เปลี่ยนไปมาก ยิ่งเรื่องเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ค่ายผู้ผลิตรถยนต์ต้องปรับตัว ซึ่ง Jaguar Land Rover (JLR) ก็ออกมายอมรับเองว่า การจำหน่ายรถยนต์ดีเซลในยุโรปที่ทำได้ลำบาก ประกอบกับความเข้มงวดเรื่องมลพิษของประเทศจีน ทำให้บริษัทต้องปรับตัวอย่างหนัก
จากสองปัจจัยนี้ทำให้ยอดขายกลุ่ม JLR ใน 3 เดือนสุดท้ายของปี 2562 ลดลง 2.3% แม้ทางค่ายจะเริ่มทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าบ้างแล้ว แต่รุ่นต่างๆ ที่ทำตลาดในปัจจุบันยังเน้นที่เครื่องยนต์ดีเซลอยู่ และเมื่อยอดขายลดลง ก็ไม่แปลกที่กลุ่ม JLR จะต้องควบคุมต้นทุน
สำหรับแผนการควบคุมต้นทุนเบื้องต้น กลุ่ม JLR จะปรับตารางผลิตในโรงงานที่อังกฤษ 2 แห่ง โดยมีทั้งการหยุดโรงงานครึ่งวัน, หยุดโรงงานเต็มวัน และลดกำลังผลิต นับตั้งแต่ปลายเดือนก.พ. ถึงสิ้นเดือนมี.ค. ซึ่งกลุ่ม JLR คาดว่า การเปลี่ยนแปลงตารางการผลิตจะช่วยให้ทางกลุ่มเติบโตอย่างยั่งยืนได้ดีขึ้น
ในทางกลับกันการหยุดโรงงานของกลุ่ม JLR ไม่ได้มาจากไวรัสโคโรน่าเหมือนกับค่ายผู้ผลิตรถยนต์รายอื่น เช่นกลุ่ม Fiat Chrysler (FCA) ที่อาจหยุดโรงงานในยุโรป 2-4 สัปดาห์จากนี้ หากบริษัทผลิตชิ้นส่วนในจีนไม่ส่งสินค้า และล่าสุด Nissan ก็เป็นผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นรายแรกที่ปิดโรงงานในญี่ปุ่น เพราะขาดแคลนชิ้นส่วนที่ต้องส่งมาจากจีน
สรุป
ตอนนี้ค่ายผู้ผลิตรถยนต์วิกฤติจริงๆ เพราะส่วนใหญ่ใช้ชิ้นส่วนที่บริษัทในประเทศจีนคอยส่งมาเพื่อรผลิตที่โรงงานในประเทศต่างๆ แต่สำหรับกลุ่ม JLR นั้น นอกจากเจอปัญหามลพิษ และเครื่องยนต์ดีเซลแล้ว การเจอไวรัสโคโรน่าก็อาจเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ทางแบรนด์ทำตลาดได้ยากขึ้นในระยะสั้น และต้องจับตาการเคลื่อนไหวของ JLR ไว้ให้ดี
อ้างอิง // Japan Times, Japan Today
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา