ไวรัสโคโรนาที่กำลังแพร่ระบาดในอู่ฮั่นและเมืองใกล้เคียง ส่งผลทำให้หน้ากากอนามัยขาดตลาดในประเทศจีน ส่งผลทำให้หน่วยงานของรัฐบาลจีนออกมาประกาศควบคุมราคาแล้ว
รัฐบาลจีนประกาศควบคุมราคาหน้ากากอนามัยหลังจากที่หน้ากากอนามัยขายดีจนขาดตลาด จากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา ทำให้เกิดความกังวลของประชาชนจีนว่าจะติดเชื้อไวรัส หลังจากมีรายงานผู้เสียชีวิตในประเทศจีนแล้วกว่า 17 ราย นอกจากนี้รัฐบาลจีนยังกังวลว่าหลังจากหน้ากากอนามัยขาดตลาดจะทำให้เกิดการเก็งกำไรหน้ากากอนามัย ซึ่งกระทบต่อประชาชน
- เศรษฐกิจจีนรับศึกหนักรอบด้าน: ก่อนหน้าคือสงครามการค้า ตอนนี้คือเชื้อไวรัสโคโรนา
- จีนปิดเมืองอู่ฮั่น-หวงกัง เฝ้าระวังเมืองฮานดัง ติดเชื้อไวรัสโคโรนารวม 641 ราย เสียชีวิต 17 ราย
สำหรับเชื้อไวรัสเชื้อไวรัสโคโรนา นี้มีชื่อย่อทางการแพทย์ 2019-nCoV โดยไวรัสโคโรนาตัวนี้เป็นสายพันธุ์ใหม่ที่เจอในเมือง Wuhan (อู่ฮั่น) ลักษณะอาการจะคล้ายคนเป็นหวัด มีการติดต่อจากคนสู่คน เป็นสาเหตุที่ทำให้คนติดเชื้อและสามารถเสียชีวิตได้ถ้าหากมีภูมิคุ้มกันต่ำ
หน่วยงานกำกับดูแลเรื่องราคาสินค้าในปักกิ่ง ได้ออกแถลงการณ์รวมไปถึงใน WeChat ถึงเรื่องการตั้งราคาหน้ากากอนามัยว่าเป็นสินค้าที่ควบคุมราคา ว่าประชาชนจะสามารถซื้อหน้ากากอนามัย รวมไปถึงสินค้าที่เกี่ยวข้องในราคาเท่าเดิม ขณะที่ในเซี่ยงไฮ้มีการรีสต๊อกสินค้าเพื่อที่ประชาชนสามารถซื้อหน้ากากอนามัยได้
ไม่ใช่แค่ในจีนแผ่นดินใหญ่เท่านั้น ล่าสุดมีรายงานว่า หน้ากากอนามัยที่ขายตามร้านขายยาจนไปถึงร้านค้าทั่วไปในฮ่องกง เกิดขาดตลาด โดยราคาหน้ากากอนามัย 20 ชิ้นในฮ่องกงปกติขายกันในราคาประมาณ 300 เหรียญฮ่องกง แต่เนื่องด้วยความกังวลในเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่นี้ทำให้ราคาซื้อขายในเว็บไซต์ขึ้นไปถึง 850 เหรียญฮ่องกง
เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้ แมทธิว เฉิง หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ประจำสำนักงานผู้บริหารเกาะฮ่องกง ได้ออกมาบอกว่า เขาเองเฝ้าระวังถึงเรื่องของการตื่นกลัวของคนฮ่องกงที่ส่งผลให้หน้ากากอนามัยขาดตลาด อย่างไรก็ดีหน้ากากอนามัยชุดใหม่จะเข้ามาถึงภายในอาทิตย์หน้า
นอกจากนี้หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ประจำสำนักงานผู้บริหารเกาะฮ่องกงยังได้กล่าวว่า ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่และผู้เกี่ยวข้องในด้านสาธารณสุขนั้นมีหน้ากากอนามัยเพียงพอที่จะใช้ไปอีก 3 เดือน ซึ่งประชาชนทั่วไปนั้นจะสามารถหาหน้ากากอนามัยตามท้องตลาดได้ตามปกติ
ขณะที่ล่าสุดมีผู้ติดเชื้อไวรัสนี้ทั่วโลกเกิน 800 รายแล้ว และมีผู้เสียชีวิตทั้งหมดแล้ว 25 ราย
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา