ผลวิจัยชี้ ผู้หญิงโสดมีความสุข สุขภาพดี และอายุยืนมากกว่าผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว

มีผลการศึกษาหลายชิ้นพบว่า ผู้หญิงที่โสดมีแนวโน้มจะมีสุขภาพที่ดีกว่า ซึมเศร้าน้อยกว่า อายุยืนกว่าผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว ผู้หญิงโสดส่วนใหญ่มักจะเครียดน้อยกว่าและยังมีท่าทีประนีประนอมมากกว่าผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว 

ผู้หญิงที่โสดจะรู้สึกมีพลังมากกว่า มีความสุขกับตัวเอง และมีอิสรภาพมากกว่าผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว เพราะพวกเธอไม่ต้องติดกับดักบทบาททั้งตอนที่อยู่ในที่ทำงานและตอนที่อยู่บ้าน 

ผู้หญิงที่แต่งงานแล้วส่วนใหญ่มีความสุขน้อยกว่าผู้หญิงโสด ซึ่งเหตุผลที่มาจากความไม่พอใจในชีวิตรักก็มักจะมาจากการเลือกรักผิดคน ทั้งในฝรั่งเศส รัสเซีย และอเมริกาต่างก็จบชีวิตรักด้วยการหย่าร้าง หรือไม่ก็แยกกันอยู่ 

ผู้หญิงโสดมีความสุข อายุยืนกว่าผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว
ผู้หญิงโสดมีความสุข อายุยืนกว่าผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว ภาพจาก Shutterstock

แต่งงานทำไม ถ้าโสดแล้วมีความสุขกว่า

ทั้งนี้ การศึกษายังพบอีกว่า ผู้หญิงที่ยังไม่แต่งงานนอกจากจะมีความสุขกว่าผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว ผู้หญิงที่แต่งงานแล้วยังมีความทุกข์แบบไม่มีขีดจำกัดด้วย แถมยังจะมีความทุกข์มากกว่าผู้ชายที่แต่งงานกับเพศเดียวกันเสียอีก

ผู้หญิงมีความคาดหวังในการแต่งงานมากกว่าผู้ชายและมีความต้องการให้การสื่อสารในความสัมพันธ์ระหว่างความรักนั้นเต็มไปด้วยความหมายและมีคุณภาพ ผู้หญิงมักจะไม่พอใจกับความต้องการของสามีที่ต้องการแต่ Sex มากกว่าจะเอาใจใส่ในตัวเธอ 

ผู้หญิงที่คาดหวังว่าแต่งงานแล้วจะพอใจ มีความสุขนั้น มีความเสี่ยงที่จะผิดหวังมาก จงถามตัวเองให้มากว่าตัดสินใจถูกต้องแล้วหรือยัง หลายครั้งที่บรรดาผู้ชายทั้งหลายไม่ใส่ใจความไม่พอใจของผู้หญิงนี้ต้องแปลกใจที่ถูกขอหย่าหรือขอแยกทางกันอยู่ 

นอกจากนี้ ประเด็นเรื่องการจัดการเรื่องราวในบ้านทั้งหลายมักตกอยู่ที่ผู้หญิงหรือตกเป็นหน้าที่ของภรรยา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการดูแลบ้าน ดูแลลูก ไปจนถึงดูแลญาติผู้ใหญ่หรือพ่อแม่ ปู่ย่าตายายที่แก่ชราภาพมากแล้ว ขณะเดียวกันก็ต้องทำงานไปด้วย ความไม่เสมอภาคเหล่านี้ย่อมสร้างความกดดันและความไม่พอใจสั่งสมยาวนานและนำไปสู่การเลิกราในที่สุด ซึ่งส่วนใหญ่ก็เกิดขึ้นกับสังคมในเอเชียเสียด้วย 

การหย่าร้าง แยกทาง ภาพจาก Shutterstock

สัดส่วนของผู้หญิงโสดเพิ่มมากขึ้นเมื่อเทียบระหว่างช่วง 1970 กับยุคปัจจุบัน

  • ในญี่ปุ่น ผู้หญิงไม่แต่งงานมากกว่าในอดีตเกิน 4 เท่า
  • ในเกาหลีใต้ สัดส่วนของผู้หญิงที่ยังไม่แต่งงานสูงกว่าในอดีตอยู่ที่ 1.4% ปี 2010 เพิ่มขึ้นมาเกือบ 30%
  • ในจีนเพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบกับในอดีต

ในระดับโลก เมื่อพูดถึงประเด็นงานที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรืองานที่ไม่ได้เงิน ส่วนใหญ่แล้วภาระนี้ตกอยู่ที่ผู้หญิงมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นงานบ้าน การเลี้ยงลูก การดูแลผู้ใหญ่ และงานอาสาสมัคร 

เมื่อเทียบกับประเทศในแถบสแกนดิเนเวีย ผู้ชายง่วนอยู่กับภาระที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้นี้มากราว 3 ชั่วโมงต่อวัน แต่ผู้หญิงก็ยังใช้เวลากับมันมากกว่าอยู่ดี ขณะที่ประเทศอินเดีย ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้นั้น ผู้ชายทำงานที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้นี้น้อยกว่า 

นอกจากนี้ยังมีการศึกษาพบอีกว่า ในสหรัฐฯ นั้น ผู้หญิงที่เป็นแม่คนแล้วจะนอนน้อยกว่าสามีและทำงานบ้านมากกว่าบรรดาซิงเกิลมัมหรือคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวเสียอีก แถมสามียังหางานที่ไม่ได้เงินหรืองานที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้มาให้ภรรยาต้องทำมากถึง 7 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ด้วย

ผู้หญิงส่วนใหญ่ในโลกปัจจุบันแต่งงานกันตั้งแต่อายุ 27-30 ปีขึ้นไป การแต่งงานมักจะส่งผลกระทบเชิงลบต่อสุขภาพของผู้หญิง 

ผู้คนเลือกที่จะเลี้ยงหมาเป็นเพื่อนดีกว่ามีความรักแย่ๆ

ทางเลือกอื่นที่ผู้คนมักจะเลือกมากกว่าจะแต่งงานไม่ว่าจะหญิงหรือชายก็คือการเลี้ยงหมา มีหมาเป็นของตัวเอง การเลี้ยงหมาไว้เป็นเพื่อนส่งผลให้ความดันและคลอเลสเตอรอลของผู้เลี้ยงลดต่ำลง และยังไม่มีภาระผูกพันกันทางกฎหมายด้วย 

ความสัมพันธ์ระหว่างคนมันแย่ คนเลยหันมาใส่ใจเลี้ยงหมาดีกว่า ภาพจาก Shutterstock

อย่างไรก็ตาม สังคมมักจะมองภาพผู้หญิงที่ครองตัวเป็นโสดจนอายุมากเป็นภาพลบและมีฉายาให้ต่างต่าง นานา นี่ก็ถือเป็นแรงกดดันที่ทำให้ผู้หญิงหลายคนตัดสินใจทำตาม norm ของสังคมด้วยการแต่งงานเพื่อปัดแรงกดดันทิ้งไป แต่ก็นำไปสู่การตัดสินใจผิดพลาด เลือกคนเข้ามาในชีวิตผิดยิ่งเป็นภาระหนักกว่า

นอกจากนี้ การบังคับให้แต่งงานยังคงเกิดขึ้นอยู่โดยเฉพาะกับเด็กผู้หญิงในบางประเทศ เช่น ในแอฟริกาและเอเชีย มีการประเมินว่าเด็กผู้หญิงและผู้หญิงวัยรุ่นที่มีอายุไม่ถึง 18 ปีจากทั่วโลกถูกบังคับให้แต่งงานประมาณ 1 ล้านราย

เด็กผู้หญิงราว 1 ใน 3 จาก 42 ประเทศถูกบังคับให้แต่งงานตั้งแต่ยังเด็ก ทั้งความเชื่อ วัฒนธรรม รวมไปถึงความยากจนก็เป็นเหตุผลหลักบีบบังคับให้หญิงสาวต้องเข้าสู่พิธีแต่งงาน 

ทั้งนี้ มีการประเมินว่ากว่าครึ่งหนึ่งของโลกมีการแต่งงานแบบที่มีการจัดการซึ่งอาจหมายถึงคลุมถุงชน หรือมีแม่สื่อคอยเตรียมการให้ นอกจากนี้ ผู้หญิงโสดก็เพิ่มจำนวนมากขึ้น ในที่นี้รวมถึงคนที่แต่งงานช้าด้วย (หมายความว่าอาจจะมีคนรักแต่ยังไม่ได้แต่งงานกัน)

การที่กลุ่มคนโสดเพิ่มจำนวนมากขึ้นนี้ นำไปสู่การสร้าง “incels” ขึ้นมา ซึ่ง incels มาจากคำว่า involuntarily celibate movement  เป็นกลุ่มคนที่นิยามตัวเองว่าไม่สามารถหาความสัมพันธ์ในรูปแบบที่โรแมนติกหรือมีความรักแบบหนุ่มสาวได้

กลุ่ม Incels ที่เป็นกลุ่มคนโสดโดยไม่สมัครใจนี้ เกิดขึ้นมาตั้งแต่ปลายทศวรรษ 1990 บริเวณฝั่งตะวันตกของอเมริกา พวกเขาใช้การเชื่อมอินเทอร์เน็ตผ่านสายโทรศัพท์เพื่อจะหาคนพูดคุยด้วย เนื่องจากมีความเขินอายมากเกินไป เก็บตัวเกินไป และรู้สึกอึดอัดเมื่อต้องพบเจอคนอื่นๆ พวกเขาไม่รู้ว่าต้องพูดคุยกับผู้หญิงอย่างไร หลายคนกลายเป็นคนประเภทเกลียดผู้หญิง (misogyny) ผู้หญิงทำอะไรก็เหยียดและเสียดสี หลายๆ ครั้งก็นำไปสู่การสร้างความรุนแรงในสังคมด้วย

ที่มา – Channel News Asia, Vox 

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา