ลอรีอัล ประสบความสำเร็จอย่างดีเยี่ยมในไตรมาส 3 ด้วยยอดขายที่เพิ่มขึ้น 7.8% หรือ 2.199 หมื่นล้านยูโร โดยยังคงเติบโตมากกว่าตลาด แม้สภาพแวดล้อมทางธุรกิจจะมีภาวะผันผวน
ฌอง-พอล แอกง ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของลอรีอัล กรุ๊ป เล่าว่า ผลประกอบการลอรีอัล 9 เดือนแรกของปี 2562 รวม 2.199 หมื่นล้านยูโร เติบโต 7.8%
เอเชียแปซิฟิกทำสถิติโตสูงสุด
- เอเชียแปซิฟิก เติบโต 23.7% โดยจีน ตลอดจนอินเดีย มาเลเซีย และอินโดนีเซียยังคงมีการเติบโตที่แข็งแกร่ง และทุกแผนกมียอดขายที่เพิ่มขึ้นในอัตราเลขสองหลัก
- ยุโรปตะวันออก เติบโต 9.2% จากการเติบโตในรัสเซีย ตุรกี และประเทศในยุโรปกลาง (ยูเครน, โรมาเนีย และสาธารณรัฐเช็ก) มีการขยายตัวเร็วขึ้น
- แอฟริกาและ ตะวันออกลาง ยอดขายลดลง 4.0% โดยยอดขายในอียิปต์ โมรอกโก ปากีสถาน และซาอุดิอาระเบียโตขึ้น แต่ตลาดสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ยังคงย่ำแย่
- ละตินอเมริกา เติบโต 2.4% โดยเม็กซิโก และชิลี มียอดขายที่เติบโตสูง แต่บราซิลและอาร์เจนตินายังคงเผชิญปัญหา
- โซนยุโรปตะวันตก ยอดขายเพิ่มขึ้น 1.7% สามารถปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง
- โซนอเมริกาเหนือ ยอดขายลดลง 0.4% เนื่องจากสภาวะตลาดที่ย่ำแย่
โดยทุกแผนกมียอดขายเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะแผนกผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูงและผลิตภัณฑ์เวชสำอางขยายอย่างแข็งแกร่ง
สำหรับแผนกผลิตภัณฑ์อุปโภคมีผลประกอบการต่างกันในแต่ละภูมิภาค โดยสามารถเติบโตอย่างมากในเอเชีย แต่ยังคงเผชิญกับสถานการณ์ที่ลำบากในสหรัฐตามที่เคยได้ประกาศไป ส่วนแผนกผลิตภัณฑ์ช่างผมมืออาชีพปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ปัจจัยที่ผลักดันการเติบโตของลอรีอัล
- ผลิตภัณฑ์กลุ่มสกินแคร์ อี-คอมเมิร์ซ มีอัตราการเติบโตถึง 47.5% ซึ่งคิดเป็น 13.5% ของยอดขายรวม
- ช่องทางค้าปลีกท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 20.8%
ผลประกอบการที่แข็งแกร่งของลอรีอัล ตอกย้ำถึงความเชื่อมั่นของเราที่มีต่อความเปลี่ยนแปลงในตลาดเครื่องสำอาง แม้ว่าตลาดจะมีความผันผวนและมีความต่างขั้วในแต่ละภูมิภาค เรายังสามารถปรับตัวได้อย่างดีเยี่ยม และมุ่งทำยอดขายและผลกำไรของเราเพิ่มขึ้นต่อไปอีกปี
ผลิตภัณฑ์เวชสำอาง เติบโต +13.8%
ยอดขายในทุกโซนยังคงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และโดดเด่นในตลาดกลุ่มเดอร์โม ซึ่งยังคงคึกคักอย่างมาก โดยแบรนด์ลาโรช-โพเชย์มีการเติบโตในอัตราเลขสองหลัก และยังคงเติบโตเร็วขึ้นอย่างมากในทุกทวีป ซึ่งเป็นผลจากผลิตภัณฑ์ ANTHÉLIOS EFFACLAR และ HYALUB5 แบรนด์เซราวีคงการเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยยอดขายขยายตัวขึ้นอย่างมากในทุกโซนรวมทั้งสหรัฐ สำหรับวิชี่ Liftactiv และ Minéral 89 เป็นผลิตภัณฑ์ดาวเด่นที่การคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในยุโรปตะวันออก และละตินอเมริกา
ผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูง เติบโต +13.4%
แบรนด์กลุ่มท็อปโฟร์ในแผนกยังรักษาจังหวะการเติบโตที่แข็งแกร่งไว้ได้ ซึ่งสกินแคร์ที่ประสบความสำเร็จ ได้แก่ GÉNIFIQUE ของลังโคม และ CALENDULA SERUM-INFUSED WATER CREAM ของคีลส์ สำหรับในกลุ่มผลิตภัณฑ์น้ำหอมนั้น จุดเด่นอยู่ที่น้ำหอมสำหรับผู้หญิง 2 แบรนด์ คือ IDÔLE ของลังโคม และ LIBRE ของอีฟส์ แซงต์ โลรองต์
การเติบโตของแผนกผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูงนั้นขับเคลื่อนโดยภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและช่องทางค้าปลีกท่องเที่ยว ผลประกอบการที่ดีมากในยุโรปและละตินอเมริกาน่าจับตา และตลาดในอเมริกาเหนือยังคงไม่ค่อยดี ขณะเดียวกัน แผนกนี้ยังคงขยายตัวอย่างรวดเร็วในช่องทางอี-คอมเมิร์ซ
แผนกผลิตภัณฑ์ช่างผมมืออาชีพเติบโต+ 3.0%
เติบโตอย่างรวดเร็วขึ้นจากผลประกอบการที่ดีอย่างต่อเนื่องในสหรัฐและเอเชียแปซิฟิก จากการคงส่วนแบ่งการตลาด ในยุโรปตะวันออกก็ยังคงมีการเติบโต แต่ในละตินอเมริกาและยุโรปตะวันตกยังคงได้รับผลกระทบจากภาวะซบเซาในบางประเทศ กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมยังคงเป็นสินค้าอันดับหนึ่งที่ทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้น โดยแบรนด์เคเรสตาสมียอดขายเพิ่มขึ้นในทุกตลาด
แผนกผลิตภัณฑ์อุปโภค เติบโต+3.0%
แบรนด์ลอรีอัลปารีส สามารถขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ส่วนการ์นิเย่ก็ทำผลงานได้ดี ผลิตภัณฑ์สกินแคร์เติบโตเร็วขึ้นในทุกภูมิภาค จากความสำเร็จของนวัตกรรมใหม่ทั้ง REVITALIFT FILLER แอมพูล และเซรั่มที่มีส่วนผสมของไฮยาลูรอนิค แอซิดจาก ลอรีอัลปารีส ความนิยมในการใช้ทิชชู่มาสก์ทั่วโลก
ตลอดจนความสำเร็จของ การ์นิเย่เมน ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขณะที่กลุ่มผลิตภัณฑ์เมคอัพ ก็สามารถครองส่วนแบ่งตลาดได้จากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่ประสบความสำเร็จ อาทิ ROUGE SIGNATURE โดย ลอรีอัลปารีส และ SUPERSTAY MATTE INK โดยเมย์เบลลีน นิวยอร์ก
แผนกผลิตภัณฑ์อุปโภคสามารถครองส่วนแบ่งตลาดในยุโรป และเติบโตอย่างรวดเร็วในเอเชีย โดยเฉพาะในจีน อินเดีย เกาหลี และอินโดนีเซีย จากความสำเร็จของแบรนด์ 3CE แต่ก็ยังถูกฉุดรั้งจากตลาดเมคอัพของสหรัฐที่ยังคงชะลอตัว
สรุป
แม้ว่าเศรษฐกิจทั่วโลกจะชะลอตัว แต่ขึ้นชื่อว่า ผู้หญิงอย่าหยุดสวย ผลิตภัณฑ์สกินแคร์ก็ยังสามารถเติบโตได้ดี โดยเฉพาะการเติบโตในภูมิภาคเอเชียสูงที่สุด สะท้อนว่าเศรษฐกิจเอเชียยังดีอยู่เมื่อเทียบกับทวีปอื่นๆ ประกอบกับการรุกขยายช่องทางอี-คอมเมิร์ซของลอรีอัล ซึ่งสอดรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภคทั่วโลกหันมาซื้อสินค้าผ่านทางออนไลน์ ยกตัวอย่าง ลอรีอัลจับมือลาซาดา นำสินค้าจำหน่ายผ่านแพลตฟอร์มของลาซาด้าในเอเชียแปซิฟิกนับตั้งแต่ปี 2557 แม้ว่าสัดส่วนรายได้ของอีคอมเมิร์ซลอรีอัลยังมีเพียงแค่ 13.5% ของยอดขายรวม แต่เชื่อว่าออนไลน์เป็นอีกขาหนึ่งที่สร้างรายได้แน่นอนสวนทางกับช่องทางค้าปลีกผ่านห้างสรรพสินค้าที่นับวันการเติบโตชะลอตัวลง
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา