ไทยกำลังก้าวสู่สังคมสูงวัย ทั้งประเทศมีผู้สูงอายุมากถึงประมาณ 15% จากการสำรวจของศูนย์วิจัยธนาคารออมสินพบว่าคนไทยมีชีวิตหลังเกษียณเงินไม่พอใช้ ทำให้คุณภาพชีวิตแย่ลง
ภาพรวมการออมของไทยขยายตัวชะลอลง เงินฝากขยายตัวลดลง ขณะที่การออมเพื่อการลงทุนในกองทุนและเงินสำรองประกันภัยขยายตัวขึ้น เนื่องจากผลตอบแทนสูงกว่า
ภาพรวมเงินฝากและเงินออมเพื่อการลงทุน ประกอบด้วย
- เงินฝากสะสมในสถาบันรับฝากเงินอยู่ที่ 18.0 ล้านล้านบาท (58.7%) (ขยายตัว 3.4%)
- เงินออมเพื่อการลงทุน 9.9 ล้านล้านบาท (32.0%) (ขยายตัว 9.0%)
- เงินสำรองประกันภัย 2.7 ล้านบาท (9%) (ขยายตัว 7.4%)
ไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย ตามเกณฑ์ขององค์การสหประชาชาติ (UN) กำหนดไว้ว่า สังคมสูงวัยคือสังคมที่มีประชากรอายุเกิน 60 ปีขึ้นไป ซึ่งไทยมีสูงถึง 9.9 ล้านคน หรือประมาณ 14.9% (ข้อมูลจากธนาคารออมสิน) สูงกว่าเกณฑ์ที่ UN กำหนดคือ 10.0% ถึงจะถือว่าเป็นสังคมสูงวัย
ภาวะสังคมสูงวัย ส่งผลกระทบให้แรงงานลดลง การบริโภคลดลง ผู้สูงอายุส่วนใหญ่ของไทยมีเงินออมไม่เพียงพอต่อการดำเนินชีวิตหลังการเกษียณอายุ ทำให้คุณภาพชีวิตแย่ลง การส่งเสริมการออมและการวางแผนการเงินจะเป็นการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน
ศูนย์วิจัยฯ ได้ทำการสำรวจพฤติกรรมการออมของประชาชนฐานรากคือกลุ่มประชาชนที่มีรายได้ไม่เกิน 15,000 บาท ทั่วประเทศจำนวน 2,186 ตัวอย่าง พบว่า
- 61.6% กลุ่มตัวอย่างมีเงินออม เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 32.2%
- 79% ผู้มีเงินออม มีการออมแบบรายเดือน จำนวนเงินออมเฉลี่ยอยู่ที่ 1,000 บาทต่อเดือน
ถือว่าภาพรวมการเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 1 เท่าตัว แต่จำนวนเงินออมเฉลี่ยต่อครั้งลดลง
เป้าหมายในการออมเงินของประชาชนฐานราก ประกอบดัวย
- เก็บไว้ใช้ยามเกษียณ 45.0%
- ทุนประกอบอาชีพ และเพื่อที่อยู่อาศัย 13.6% (ซึ่งมีสัดส่วนเท่ากัน)
- ซื้อยานพาหนะ 12.3%
ลักษณะการออมและการลงทุนในปัจจุบันของประชาชนฐานราก
- ลูกจ้างประจำ จะออมกับหน่วยงาน/บริษัท เช่น
- จ่ายเงินสมทบ เข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
- ประกันสังคมฯ
- ฝากกับธนาคาร
- กลุ่มอาชีพอิสระ
-
- ฝากกับธนาคาร
- เก็บไว้ที่บ้าน
- เล่นแชร์
อุปสรรคสำคัญที่ประชาชนฐานรากไม่สามารถออมเงินได้
- ไม่มีเงินเหลือไว้ออม 82.7%
- มีเหตุจำเป็นต้องใช้เงิน 55.5%
- มีภาระหนี้สิน 28.0%
เงินสำรองของประชาชนฐานราก หากเกิดเหตุฉุกเฉินต้องหยุดงาน หรือไม่มีรายได้
- ไม่มีเงินสำรองฉุกเฉิน 33.7% (น่าเป็นห่วง)
- มีเงินใช้จ่ายไม่เกิน 1 เดือน 33.3%
- มีเงินใช้จ่ายไม่เกิน 3 เดือน 28.5%
ถ้ามีเหตุฉุกเฉิน (ไม่มีรายได้) ประชาชนฐานรากจะทำอย่างไร?
- ขอยืมเงินจากคนในครอบครัว ญาติ คนรอบข้าง 83.4%
- ขายทรัพย์สินของตนเอง 34.1%
- จำนอง/ จำนำทรัพย์สินของตนเอง 33.1%
ที่มา – รัฐบาลไทย
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา