Brand Inside สรุปย่อๆ เกี่ยวกับบทวิเคราะห์ฉบับนี้จากมุมมองของนักวิเคราะห์ของ Goldman Sachs ที่ได้นำทีมนักวิเคราะห์มาที่ประเทศไทยในช่วงไม่นานมานี้
โกลด์แมน แซคส์ (Goldman Sachs) วาณิชธนกิจรายใหญ่ของสหรัฐอเมริกา ได้ออกรายงานหลังจากที่ทีมนักวิเคราะห์รวมไปถึงหัวหน้าฝ่ายนักกลยุทธ์ได้เดินทางมายังกรุงเทพเมื่อไม่นานมานี้ และได้พบกับตัวแทนของธนาคารแห่งประเทศไทย ภาครัฐ ภาคเอกชน
สำหรับบทวิเคราะห์นี้ได้ออกเมื่อช่วงบ่ายวันศุกร์ 25 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งมุมมองการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ของไทยที่ Goldman Sachs แนะนำนั้นถือว่าเป็นลบ โดยวาณิชธนกิจรายใหญ่นี้แนะนำให้ลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้นไทย โดยได้ให้สาเหตุหลักๆ ได้แก่
หุ้นไทยเต็มมูลค่าไปแล้ว โดย Goldman Sachs มอง P/E อยู่ราวๆ 15.2 เท่าของตลาดหุ้นไทยตอนนี้เมื่อเทียบกับกำไรบริษัทจดทะเบียนปีหน้า ซึ่งแพงเป็นอันดับ 3 ของภูมิภาคนี้ และมีพรีเมี่ยมเมื่อเทียบกับตลาดอื่นๆ ราวๆ 25% นอกจากนี้สถานการณ์ตอนนี้คือหุ้นกลุ่มพลังงานและธนาคารซื้อขายใน P/E ที่ต่ำกว่า ซึ่ง Goldman Sachs มองว่าหุ้นกลุ่มอื่นๆ จะซื้อขายใน P/E ที่แพงกว่า
กำไรไม่โต นักวิเคราะห์ของ Goldman Sachs มองว่ากำไรครึ่งปีแรกของบริษัทจดทะเบียนนั้นลดลง 12% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา แถมกำไรยังคิดเป็นแค่ 46% ทำให้ Goldman Sachs กังวลถึงครึ่งปีหลัง กำไรของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อาจลดลงได้มากกว่านี้ นอกจากนี้ในปีหน้าที่มุมมองตลาดมองว่ากำไรจะโต 11% ก็มีความเสี่ยงที่อาจโดนปรับลดได้อีก
2 พี่ใหญ่ SET Index อ่อนแอ โดย 2 พี่ใหญ่ใน SET Index ได้แก่คือพลังงานและธนาคารมีสัดส่วนใน SET Index ที่ 26% และ 22% ตามลำดับ และที่ผ่านมาเราจะเห็นกลุ่มธนาคารที่กำไรอ่อนแอไปแล้วจากอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ หนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้น รวมไปถึงความเข้มงวดของแบงก์ชาติในเรื่องการกู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ ทางด้านของกลุ่มพลังงานนั้นก็พบกับราคาน้ำมันดิบทรงตัว ขณะที่ 3 อุตสาหกรรมที่เหลือ เช่น วัสดุ สินค้าอุปโภคบริโภค รวมไปถึงโทรคมนาคม ที่มีสัดส่วนใน SET Index นั้นมีกำไรที่อ่อนตัว
สภาพคล่องน้อย โดยหุ้นไทยในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยในช่วงที่ผ่านมาอยู่ที่วันละประมาณ 1,900 ล้านเหรียญสหรัฐ ดีกว่าประเทศอื่นๆ ในอาเซียนที่เฉลี่ยแล้วประมาณ 1,700 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่เมื่อเทียบประเทศใหญ่ๆ ที่ปริมาณซื้อขายมากกว่านั้นถือว่าน้อย และถ้าสถาบันต่างประเทศต้องการจะซื้อหุ้นไทยจริงๆ สภาพคล่องจากสถาบันต่างประเทศด้วยกันจะต้องมากกว่านี้เพื่อที่จะคุ้มกับความเสี่ยง ซึ่งตลาดหุ้นไทยตอนนี้ไม่มี แถมอัตรากำไรที่อ่อนแอของหุ้นไทย โดยมองจากความเป็นจริงจะเห็นว่าตั้งแต่ต้นปีสถาบันต่างชาติขายหุ้นไทยไปเพียง 400 ล้านเหรียญสหรัฐเท่านั้น
เรื่องอื่นๆ ที่ Goldman Sachs มองเศรษฐกิจและภาคการเงินของไทย
- เศรษฐกิจไทยกำลังชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัด สาเหตุมาจากปัจจัยภายในและภายนอก ขณะที่รัฐบาลไทยไม่สามารถที่จะเบิกจ่ายงบได้ล่าช้ากว่าที่จะเป็นถึง 4 เดือน โดยจะเริ่มได้ไวสุดในเดือนมกราคม
- เสถียรภาพทางการเงินที่น่ากังวล โดยเฉพาะจากเรื่องหนี้ในครัวเรือน หนี้บริษัทเอกชน รวมไปถึงเงินกู้ของสหกรณ์ ที่เพิ่มสูงขึ้น
- เงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ ส่วนหนึ่งมาจากเรื่องของ E-Commerce รวมไปถึงโครงสร้างทางสังคมที่เปลี่ยนไป
- โครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานคือเรื่องสำคัญในปี 2020 ที่ Goldman Sachs มองไว้
- ดุลบัญชีเดินสะพัดยังแข็งแกร่งต่อเนื่อง
- Goldman Sachs มองแบงก์ชาติเหลือช่องว่างของนโยบายการเงินไม่มากแล้วที่จะใช้นโยบายทางการเงิน
- ค่าเงินบาทจะยังแข็งค่าต่อไป
ที่มา – บทวิเคราะห์จาก Goldman Sachs
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา