ราคาน้ำมันทั่วโลกอาจได้รับผลกระทบเนื่องจากการโจมตีโรงกลั่นน้ำมันใหญ่ที่สุดซาอุดิอาระเบีย ส่งผลให้กำลังการผลิตของประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลกเหลือกำลังการผลิตแค่ 50%
กบฏฮูตีในประเทศเยเมน ได้ประกาศว่าทางกลุ่มได้โจมตีโรงกลั่นน้ำมันของซาอุดิอาระเบียอย่างน้อย 2 แห่ง จากการปล่อยโดรนบรรทุกระเบิด 10 ลำ จนทำให้กำลังการผลิตน้ำมันต้องลดเหลือกำลังการผลิตเพียงแค่ 50% ซึ่งอาจส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบทั่วโลกมีราคาสูงขึ้นทันทีเนื่องจากซาอุดิอาระเบียเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลก นอกจากนี้ยังเพิ่มความตึงเครียดในคาบสมุทรอาหรับเพิ่มอีกด้วย
- มาทำความเข้าใจ “ช่องแคบฮอร์มุซ” ว่าสำคัญกับอุตสาหกรรมพลังงานกับการบินมากแค่ไหน
- สหรัฐประกาศคว่ำบาตรอิหร่านเพิ่มอีกชุด อิหร่านโต้ ช่องทางการทูตของทั้ง 2 อาจปิดลงตลอดกาล
จุดสำคัญที่โดนการโจมตีด้วยคือโรงกลั่น Abqaiq อยู่ห่างจากเมือง Dhahran ราวๆ 60 กิโลเมตร ซึ่งเป็นหนึ่งในโรงกลั่นน้ำมันและโรงแยกก๊าซธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในซาอุดิอาระเบีย มีกำลังการผลิตถึงเกือบ 50% ของประเทศ ทำให้เกิดเพลิงลุกไหม้เป็นจำนวนมาก ขณะที่แหล่งผลิตน้ำมัน Khurais ซึ่งมีปริมาณการผลิตอันดับ 2 ของซาอุดิอาระเบียก็โดนการโจมตีนี้ด้วยเช่นกัน
Tehran is behind nearly 100 attacks on Saudi Arabia while Rouhani and Zarif pretend to engage in diplomacy. Amid all the calls for de-escalation, Iran has now launched an unprecedented attack on the world’s energy supply. There is no evidence the attacks came from Yemen.
— Secretary Pompeo (@SecPompeo) September 14, 2019
ขณะที่ ไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐ ได้ออกมาทวีตว่า เบื้องหลังการโจมตีโรงกลั่นน้ำมันในซาอุดิอาระเบียนั้นมาจากอิหร่าน ไม่ใช่จากเยเมน และยังได้กล่าวว่าทุกฝ่ายพยายามที่จะลดความรุนแรงลงแต่อิหร่านกลับเป็นฝ่ายเริ่มโจมตีแหล่งพลังงานของโลก ขณะที่รัฐมนตรีต่างประเทศของอิหร่านได้ออกมาปฎิเสธข้อกล่าวหาว่าเป็นฝ่ายโจมตี โดยชี้ว่าเป็นเรื่องเหลวไหล
เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา CSIS ซึ่งเป็นหน่วยงานถังความคิด (Think tank) ของสหรัฐอเมริกา ได้ออกบทวิเคราะห์ว่าโครงสร้างพื้นฐานของซาอุดิอาระเบีย เช่น โรงกลั่น โรงแยกก๊าซธรรมชาติ ฯลฯ มีโอกาสที่จะถูกโจมตีจากอิหร่านสูงมาก ก่อนหน้านี้เคยมีความพยายามจากกบฏฮูตีในการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานเหล่านี้ด้วย
ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาสถานการณ์ความตึงเครียดในอ่าวเปอร์เซียเริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นการบุกโจมตีเรือขนส่งน้ำมันและปิโตรเคมี การโจมตีโดรนของสหรัฐอเมริกาโดยอิหร่าน ฯลฯ ทำให้เกิดความกังวลว่าความตึงเครียดดังกล่าวจะทำให้ราคาน้ำมันดิบรวมไปถึงก๊าซธรรมชาติมีราคาสูงขึ้นด้วย
Update ล่าสุด 16-09-19 : ราคาน้ำมันดิบเปิดการซื้อขายเช้านี้ทำสถิตืใหม่สูงสุดระหว่างวัน 12% สูงสุดในรอบ 31 ปี
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา