คำต่อคำกับ “บอย – ถกลเกียรติ” เมื่อช่อง One ถูกกลุ่มปราสาททองโอสถเข้าถือหุ้นครึ่งหนึ่ง

วานนี้ (1 ธ.ค.) มีข่าวใหญ่ในอุตสาหกรรมทีวีดิจิทัล หลังจาก ประนันท์ภรณ์ หนึ่งใน Holding Company ของกลุ่มปราสาททองโอสถ ประกาศเข้าถือหุ้นครึ่งหนึ่งในบริษัท เดอะวันเอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด เจ้าของ ช่อง One แล้วหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ขายหุ้นจริงหรือไม่ ลองมาฟังจากปาก บอย – ถกลเกียรติ วีรวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของช่องนี้กัน

boy
บอย – ถกลเกียรติ วีรวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของช่อง One

สรุปแล้วขายหุ้นทำไม

ต้องย้ำก่อนว่าบริษัท เดอะวันเอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด ไม่ได้ขายหุ้นแต่อย่างใด เพราะบริษัท ประนันท์ภรณ์ จำกัด เพียงเข้ามาเพิ่มทุนเท่านั้น เนื่องจาก Holding Company รายนี้มองเห็นศักยภาพของช่อง One ผ่านการเติบโตของยอดผู้ชมที่รวดเร็ว จนตอนนี้สามารถอยู่ใน 5 อันดับแรกของ Rating ทีวีดิจิทัลแล้ว

แล้วสาเหตุของการเพิ่มทุนล่ะ

ผมต้องการให้ช่อง One มันแข็งแกร่งกว่านี้ ประจวบกับทางประนันท์ภรณ์ก็อยากเข้ามาลงทุน ดังนั้นเมื่อความต้องการมันตรงกัน ดีลนี้ก็เกิดขึ้น โดยเงินที่ได้มาใหม่จะใช้เพื่อทำ Content ให้ดีขึ้น เช่นสร้างละครให้เยอะขึ้นเพื่อเลือกใช้ได้ในเวลาต่างๆ นอกจากนี้ยังลงทุนเรื่อง Production ให้ยิ่งใหญ่กว่าเดิมเช่นกัน

แกรมมี่ก็เงินเยอะ ทำไมไม่เพิ่มเอง

จริงๆ เราลงทุนเองก็ได้ แต่นั่นมันเท่ากับ 1 + 1 เป็น 2 กลับกันถ้าเป็นประนันท์ภรณ์มาเพิ่มทุนให้ 1 + 1 จะเป็น 10 เพราะด้วยทุนที่หนา และเขาเข้ามาเป็นแค่กรรมการบริษัท ไม่ได้ลงมาบริหารเอง เพราะเชื่อใจในฝ่ายบริหารเดิม ดังนั้นทุกอย่างยังเหมือนเดิม และเรตติ้งช่องวันก็คงเพิ่มในปี 2560 ด้วย

จริงๆ ทุนใหม่น่าจะอยากถือหุ้นมากกว่า

พอประนันท์ภรณ์เข้ามาลงทุนในช่อง One ทางนั้นเลือกที่จะถือหุ้นเท่ากับกลุ่มทุนเดิม กล่าวคือตอนนี้ทุนจดทะเบียน 3,800 ล้านบาท ถูกถือหุ้นโดยประนันท์ภรณ์ 50% แกรมมี่ 25.50% และกลุ่มผม 24.50% จากเดิมที่ช่อง One มีทุนจดทะเบียน 1,900 ล้านบาท และถือหุ้นโดยผม และแกรมมี่ในสัดส่วน 51:49 ตามลำดับ

boy2
นายแพทย์ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ เจ้าของช่อง PPTV, กลุ่มโรงพยาบาลดุสิตฯ และสายการบิน Bangkok Airwways

ปราสาททองโอสถคือ PPTV

ยอมรับว่าใช่ เพราะนายแพทย์ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ ถือหุ้นช่อง PPTV อยู่ แต่ ปรมาภรณ์ ปราสาททองโอสถ ที่เป็นบุตรสาว และผู้ถือหุ้นหลักของประนันท์ภรณ์ ไม่ได้ถือหุ้นช่อง PPTV แต่อย่างใด ดังนั้นการเข้ามาถือหุ้นของกลุ่มทุนใหม่ จะไม่ได้เกี่ยวข้อง หรือทำให้ช่อง One จะร่วมผลิต Content กับช่อง PPTV แต่อย่างใด

มีทุนใหม่ต้องแจ้งกสทช. หรือไม่

ผมว่ารอกสทช. มาถามเราดีกว่า เพราะจริงๆ แล้วการมีทุนใหม่เข้ามาก็ไม่จำเป็นต้องบอกกสทช. ก็ได้ นอกจากนี้เรื่องที่กังวลกันว่า กลุ่มปราสาททองโอสถจะถือทีวีดิจิทัล 2 ช่อง ผมก็บอกไปแล้วว่า ถึงจะนามสกุลเดียวกัน แต่ ปรมาภรณ์ ปราสาททองโอสถ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับ PPTV

รู้สึกอะไรไหมที่อยู่ๆ หุ้นที่ตัวเองถือก็ลด

ผมไม่รู้สึกอะไรที่หุ้นถูก Dilute เพราะอย่างไรผมก็ยังต้องการขับเคลื่อนช่อง One ให้ได้ดีกว่านี้อยู่ ที่สำคัญผมคงไม่ขายหุ้นของตัวเองแน่นอน เพราะยังรัก และผูกพันธ์กับช่องนี้ และอยากสร้างช่อง One ให้เติบโตได้ในระยะยาว ผ่านละคร และรายการวาไรตี้ที่หลากหลาย

ข่าวออกมาขนาดนี้ บอกลูกน้องหรือยัง

ถ้าแบบเป็นทางการยังนะ แต่หลายคนก็คงรู้แล้วว่ามีข่าวเกี่ยวกับบริษัท ซึ่งหลังจากนี้ก็คงมีการเรียกคุยกันว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร และจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ซึ่งผมคงพูดแบบเดียวกับที่แถลงข่าววันนี้

ภาพรวมธุรกิจ Content บันเทิงปีนี้ ปีหน้าล่ะ

ปีนี้ก็หดตัวประมาณหนึ่งนะ โดยเฉพาะไตรมาสสุดท้าย เพราะเรื่องอะไรก็คงรู้กัน แต่ถ้าเป้าทั้งปีของช่อง One ยังได้ตามท่คาดหวังอยู่ ส่วนภาพรวมธุรกิจ Content บันเทิง มองว่าจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามความต้องการของผู้ชม แต่ช่อง One ก็ต้องเป็นศูนย์รวมแห่งการบันเทิงเหมือนเดิม

สำหรับเป้าหมายรายได้ของช่อง One ปีนี้อยู่ที่ 1,700 ล้านบาท

สรุป

ดิจิทัลทีวีตอนนี้มีข่าวมาอย่างต่อเนื่อง อาจเพราะไม่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคก็ได้ ดังนั้นเชื่อว่าคงเห็นข่าวแบบนี้ไปอีกยาว แต่ก็อยากให้ชวนคิดว่า เมื่อแกรมมี่ถือช่องทีวีดิจิทัลไว้ 2 ช่อง คือ GMM 25 และ One แล้วทำไมกลุ่มทุนประนันท์ภรณ์ จึงเลือกแค่บริษัทเดียวล่ะ

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา