เมื่อเศรษฐกิจไทยโตต่ำ 3% ส่วนหนึ่งเพราะการส่งออกของไทยยังหดตัวจากปัจจัยต่างประเทศ หน้าที่หลักเลยตกที่ภาครัฐจะออกมาตรการอะไรที่กระตุ้นเศรษฐกิจที่ดีในระยะสั้น และส่งผลต่อเนื่องในระยะยาว
ล่าสุดออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเม็ดเงินกว่า 300,000 ล้านบาท แต่จะกระตุ้นเศรษฐกิจไทยได้มากแค่ไหน และปัจจัยบวก-ลบของเศรษฐกิจไทยมีอะไรบ้าง?
-
มาแล้ว ครม. อัดฉีดเงิน 3 แสนล้าน กระตุ้นเศรษฐกิจ คาดหวัง GDP ปีนี้โต 3%
-
ผลจากภัยแล้ง ราคา “ข้าวเหนียว” ทำสถิติใหม่ พะเยารับซื้อสูงสุดอยู่ที่ตันละ 2 หมื่นบาท
รัฐอัดฉีดเงิน 300,000 ล้านบาทกระตุ้นเศรษฐกิจไทย 0.3%
ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) บอกว่า จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลตั้งงบไว้ราว 300,000 ล้านบาท จะมีผลต่อเศรษฐกิจจำกัด ดังนั้นประเมินว่าจะมีผลกระตุ้นให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้ 0.3% เท่านั้น สาเหตุเพราะมาตรการส่วนใหญ่ราว 2 ใน 3 เป็นมาตรการด้านสินเชื่อ ซึ่งบางส่วนมีอยู่แล้วแม้ไม่มีการออกมาตรการใหม่ ขณะเดียวกันสินเชื่อที่ปล่อยเพิ่มอาจเป็นการ Refinance ที่ไม่ได้เพิ่มการลงทุนใหม่มากขึ้น นอกจากนี้อาจติดข้อจำกัดจากนโยบายอื่น เช่น เกณฑ์ LTV
ทั้งนี้มองว่ามาตรการประเภทเงินโอนที่ให้กั
นอกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐเป็นปัจจัยบวกของไทยยังมีการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% และคาดว่าปีนี้จะลดดอกเบี้ยอีก 1 ครั้ง ซึ่งทางธนาคารพาณิชย์หลายแห่งปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลง ดังนั้นเศรษฐกิจจะได้รับผลดีจากภาวะต้นทุนดอกเบี้ยที่ต่ำลง อาจช่วยกระตุ้นการบริโภคและการลงทุนได้ส่วนหนึ่ง
ปัญหาใหญ่สังคมไทย ส่งออกหด-รัฐเบิกจ่ายช้า-เอกชนชะลอลงทุน-ภัยแล้ง
แม้ว่าการส่งออกในเดือนก.ค. 2562 จะกลับมาเติบโต แต่ภาพรวมตั้งแต่ต้นปี 2562 ยังติดลบที่ 2.8% และทำให้ช่วงที่เหลือของปีนี้ การส่งออกไทยยังชะลอตัวปีนี้อาจจะหดตัวที่ 2% มีปัจจัยจาก
- การที่สหรัฐประกาศเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีน (2 รอบได้แก่ เดือนก.ย. และธ.ค.) ส่งผลให้เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอตัวมากกว่าเดิม
- ความขัดแย้งระหว่างเกาหลีใต้-ญี่ปุ่น ไทยน่าจะรับผลกระทบให้การส่งออกชิ้นส่วนอิเล็กทรนิกส์ลดลง
- การประท้วงในฮ่องกง กระทบการส่งออกของไทยได้
แก่ รถยนต์–อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องคอมพิวเตอร์และส่ วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ เคมีภัณฑ์และพลาสติก และผลิตภัณฑ์ยาง
ผลกระทบภัยแล้งที่มีความรุนแรงมากกว่าที่คาด ทำให้ส่งผลลบต่อการผลิตภาคเกษตร โดยคาดความเสียหายราว 2.5 หมื่นล้านบาท หรือประมาณ 0.16%ของ GDP
ภาคการท่องเที่ยวหดตัว เพราะค่าเงินบาทที่แข็งค่าทำให้ทั้งจำนวนและรายได้ของนักท่องเที่ยวอาจจะต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ แต่จากความขัดแย้งระหว่าง จีน ฮ่องกง ไต้หวัน เกาหลีใต้-ญี่ปุ่น อาจทำให้นักท่องเที่ยวมาเที่ยวไทยเพิ่มขึ้น
ครั้งนี้รัฐยังมีการเร่งเบิกจ่ายของภาครัฐ เพื่อให้ลงไปสู่ส่วนท้องถิ่น และรัฐวิสาหกิจ เพื่อให้เงินลงสู่ระบบเศรษฐกิ
ปี 2563 เศรษฐกิจไทยอาจโตเพียง 2.7% หาก Trade war ยังอยู่
ทั้งนี้มองว่าปี 2562 เศรษฐกิจไทยจะเติบโต (GDP) ราว 3.0% ต่ำกว่าที่ประเมินไว้ตอนต้นปีที่ 3.1% แต่หวังว่าปีหน้า (2563) เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวขึ้นจากการส่งออกที่ขยายตัว เพราะฐานที่ต่ำในปี 2562
ปัจจัยหลักที่ต้องจับตามองได้แก่ กรณีที่สหรัฐฯ เก็บภาษีสินค้านำเข้าจีนที่ 10% มูลค่าการส่งออกไทยในปี 2563 จะขยายตัวที่ 1.2% และ GDP ไทยจะโต 3.2% แต่กรณีที่ภาวะสงครามการค้าแย่ลง โดยสหรัฐฯ เก็บภาษีจากจีนในอัตราที่สูงขึ้
สรุป
เมื่อเศรษฐกิจไทยยังพึ่งพาการส่งออกเป็นหลัก เป็นเรื่องธรรมดาที่เศรษฐกิจโลกชะลอตัวและไทยชะลอตาม แต่บางคนว่าเป็นโอกาสที่ไทยต้องฉวยไว้ตอนที่บาทแข็ง อาจจะลงทุนหรือขยายการผลิตเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และรัฐบาลอาจต้องมีมาตรการที่สนับสนุนการเติบโตระยะยาวมากกว่านี้ มากกว่าการแจกเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา