แม้จะโดนปรามาสว่าช้า และยึดติดกับความสำเร็จเดิมๆ แต่ทาง Toyota ก็ยังมียอดขายรถยนต์ในไตรมาสล่าสุดที่เติบโต พร้อมคงเป้าหมาย 8.9 ล้านคันทั่วโลกภายในปีปฏิทินที่จะสิ้นสุดภายในเดือนมี.ค. 2562
ควบคุมต้นทุน พร้อมทุ่มวิจัยเทคโนโลยีใหม่
ในไตรมาสล่าสุดระหว่างเดือนก.ค.-ก.ย. 2561 ทาง Toyota แจ้งว่ามียอดขายในแง่มูลค่า 7.31 ล้านล้านเยน (ราว 2.10 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้น 2% จากไตรมาสเดียวกันในปี 2560 ส่วนผลกำไรก็เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันในปีก่อนที่ 4.58 แสนล้านเยน (ราว 1.32 แสนล้านบาท) เป็น 5.85 แสนล้านเยน (ราว 1.70 แสนล้านบาท)
ส่วนยอดขายในแง่จำนวนคันก็เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาสเดียวกันในปีก่อนที่ 2.17 ล้านคัน เป็น 2.18 ล้านคัน โดยเมื่อเจาะไปที่ยอดขายแต่ละภูมิภาคจะพบว่า ในสหรัฐอเมริกา กับญี่ปุ่นในลดลงเล็กน้อย ส่วนในเอเชีย, ยุโรป และแถบอเมริกากลาง กับใต้ กลับมียอดขายเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน
ทำให้บริษัทยังคงเป้าหมายอดขายทั้งปีปฏิทินที่จะสิ้นสุดในเดือนมี.ค. 2562 ไว้ที่ 8.9 ล้านคันทั่วโลก เหมือนที่ตั้งไว้ในไตรมาสก่อน โดยคาดว่าหากทำได้ตามเป้า ยอดผลกำไรรวมทั้งปีจะอยู่ที่ 2.3 ล้านล้านเยน (ราว 6.67 แสนล้านบาท) แต่ยังน้อยกว่า 2.5 ล้านล้านเยน (ราว 7.25 แสนล้านบาท) ที่ทำได้ในปีปฏิทินก่อน
ทั้งนี้ Toyota มีการควบคุมต้นทุนในแง่มุมต่างๆ เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการทำธุรกิจ ประกอบกับการทำการตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ จึงช่วยให้ยอดขายทำได้ดีกว่าเดิมเล็กน้อย แม้ในช่วงเวลาที่ผ่านมาจะต้องเผชิญกับปัญหาเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนของค่าเงินที่ผันแปร รวมถึงสภาพเศรษฐกิจโลกในประเทศพัฒนาแล้วที่ไม่เสถียร
Akio Toyoda ประธานของ Toyota ยืนยันว่า บริษัทมีการลงทุนพัฒนาเรื่อง AI, รถยนต์ไร้คนขับ, บริการร่วมเดินทาง รวมถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อปรับตัวได้ตามการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมรถยนต์ที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทมากขึ้น และทำให้ Toyota ยังเป็นผู้นำทางด้านยานยนต์ที่ทุกคนต้องการเหมือนที่เคยเป็นมา
สรุป
อย่างไรก็ตามเป้าหมาย 8.9 ล้านคัน ก็ยังไม่ทำให้ Toyota กลับมาเป็นเบอร์หนึ่งของผู้ผลิตรถยนต์ที่มียอดจำหน่ายมากที่สุดในโลกได้ เพราะตอนนี้กลุ่ม Volkswagen รวมถึงพันธมิตร Renault-Nissan-Mitsubishi นั้นแข็งแกร่งเหลือเกิน ดังนั้นถ้า Toyota จะช่วงชิงเบอร์หนึ่งกลับมาก็ต้องต้องแตกต่างจากตลาดได้มากกว่านี้
อ้างอิง // Asahi Shimbun
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา