ปีทองของหนังไทย คาดมูลค่าจะทะลุ 2 พันล้าน “นาคี 2” สร้างสถิติใหม่ในรอบ 10 ปี

ภาพยนตร์ไทยปีนี้โตหรู 100% ปัจจัยสำคัญจากคอนเทนต์ที่ถูกจริตคนไทยมากขึ้น คาดมูลค่าจะทะลุถึง 2,000 ล้านบาท นาคี 2 เป็นคอนเทนต์ที่ทุบสถิติวันเปิดตัวสูงที่สุดในรอบ 10 ปี

Photo : Shutterstock

นาคี 2 ทุบสถิติหนังไทยในปีนี้

อุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยมีการเติบโตขึ้นๆ ลงๆ มาตลอดหลายปีทั้งนี้มาจากคอนเทนต์ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาไม่มีความหวือหวาเท่าไหร่นักและมีผู้ผลิตรายใหญ่แค่ไม่กี่ราย

แต่ในปีนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นสัญญาณที่ดีของตลาดภาพยนตร์ไทย เมื่อมีภาพยนตร์ที่สร้างรายได้สูงกว่าปีก่อน โดยเฉพาะนาคี 2” ที่เพิ่งเข้าโรงได้ไม่กี่วัน แต่สามารถสร้างรายได้ทะลุ 200 ล้านเข้าไปแล้ว เป็นการทุบสถิติหนังที่สร้างรายได้เร็วที่สุดในรอบ 10 ปี

มีการคาดการณ์ว่าภาพรวมอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยในปี 2561 จะเติบโตได้ถึง 100% โดยที่ในช่วง 9 เดือนแรกมีภาพยนตร์ที่ทำรายได้เกิน 100 ล้านบาท 4 เรื่อง ได้แก่ น้องพี่ที่รักของ GDH, ไบค์แมน ศักรินทร์ ตูดหมึกของ M39, ขุนพันธ์ 2 ของสหมงคลฟิล์ม และ ๙ ศาสตราของ M Pictures

เมื่อดูจำนวนหนังไทยทั้งหมดของปีนี้จะมีทั้งสิ้น 43 เรื่อง น้อยกว่าปี 2560 ที่มี 48 เรื่อง แต่สามารถทำรายได้เฉลี่ยได้ดีกว่า ในปีที่แล้วมีภาพยนตร์ที่สร้างรายได้เกิน 100 ล้านเพียง 3 เรื่องเท่านั้น คือ ส่ม ภัค เสี้ยน ของ M Pictures, ฉลาดแกมโกงของ GDH และ มิสเตอร์เฮิร์ทมือวางอันดับเจ็บ ของทรานฟอร์เมชั่น

ในปีนี้ยังได้แรงหนุนจากภาพยนตร์นาคี 2 ที่สร้างปรากฎการณ์ใหม่ให้กับอุตสาหกรรม ทำรายได้ในวันเปิดตัววันแรก 50 ล้านบาท คาดว่าจะทำรายได้ทะลุ 500 ล้านบาทได้ตลอดโปรแกรมการฉาย

พรชัย ว่องศรีอุดมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายภาพยนตร์ไทย และต่างประเทศ บริษัท เอ็ม พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) บอกว่า

ช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ถือเป็นโอกาสทองของภาพยนตร์ไทย มีภาพยนตร์เข้าฉายถึง 11 เรื่อง และคาดว่าจะเป็นภาพยนตร์ทำเงินทั้งสิ้น เริ่มตั้งแต่นาคี 2 โฮมสเตย์ ขุนบันลือ โนราห์ คาดว่าทั้งปีหนังไทยจะมีรายได้รวม 2,000 ล้านบาท มีการเติบโต 100%”

ในรายได้ 2,000 ล้านบาทนั้น แบ่งเป็นสัดส่วนในกรุงเทพฯ 50% และต่างจังหวัด 50% เป็นตัวเลขที่มีการเติบโต 100% จากในปีก่อนๆ มีการเติบโตเฉลี่ย 20% เท่านั้น จะสามารถกินสัดส่วนรายได้ของตลาดภาพยนตร์ได้ 22% จากที่ปีก่อนๆ มีสัดส่วน 11% ที่เหลือเป็นภาพยนตร์ฮอลลีวูด

คอนเทนต์ถูกจริตมากขึ้น

พรชัยเสริมว่าที่ในปีก่อนมีหนังไทยเข้าฉายทั้งหมด 48 เรื่อง เป็นตัวเลขที่เยอะก็จริง แต่ไม่สามารถสร้างรายได้ที่ดีมากนัก เพราะมีค่ายอิสระเยอะ ผู้ผลิตยังผลิตคอนเทนต์ตามความต้องการของตนเอง แต่ในช่วงหลังเริ่มมีการเข้าใจตลาดมากขึ้น มีมุมมองในการผลิตหนังที่แตกต่างออกไป ทำการตลาดที่เน้นเจาะกลุ่มคนดูตามเซ็กเมนต์มากขึ้น

ในปีนี้เห็นความหลากหลายของหนังมากขึ้นมีทั้งตลกแอคชั่นอนิเมชั่นทริลเลอร์แฟนตาซีไม่ได้มีคอนเทนต์ซ้ำๆกันในแบบเดิม

หนังเริ่มมีความแมสมากขึ้น เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้กว้างขึ้น เห็นได้จากหนังที่ได้รับความนิยมจะมีความโลคอลเข้ากับท้องถิ่น เช่น นาคี 2, ไทบ้านเดอะซีรีส์ สามารถดึงให้คนอินด้วยได้

ปัจจัยที่ทำให้นาคี 2 ได้รับความนิยม มองว่าเป็นเรื่องที่คนไทยอยากดู เพราะคนไทยรู้จักอยู่แล้ว เป็นเื่องความเชื่อที่ทำให้คนอินได้ เป็นคอนเทนต์ที่ตรงกับความต้องการของเขา รวมถึงการวางไทม์มิ่งการฉายในช่วงนี้ช่วงก่อนออกพรรษาก็มีส่วนเช่นกัน

จะเห็นว่าตอนนี้หนังเริ่มเจาะตามกลุ่มลูกค้ามากขึ้นไม่ว่าจะเป็นกลุ่มคนในกรุงเทพฯ หรือต่างจังหวัด โดยที่นาคี 2 คาดว่าน่าจะมีลูกค้าในกรุงเทพฯ 40% และต่างจังหวัด 60% ส่วนโฮมสเตย์น่าจะมีลูกค้าในกรุงเทพฯ 60% และต่างจังหวัด 40%

ตลาดต่างจังหวัดทำเกมเปลี่ยน

อีกหนึ่งจุดเปลี่ยนที่สำคัญทำให้ตลาดหนังไทยเติบโตอย่างสวยหรูในปีนี้ ก็เพระาว่าผู้เล่นในตลาดโรงภาพยนตร์ได้ขยายตลาดต่างจังหวัดมากขึ้น อย่างเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ได้บุกตลาดไปยังพื้นที่ต่างจังหวัดมากขึ้น เริ่มเจาะจังหวัดรองในพื้นที่เล็กๆ ทำให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้น

เมื่อโรงภาพยนตร์เข้าถึงกลุ่มลูกค้าก็ทำให้ภาพยนตร์ไทยได้รับการตอบสนองอย่างดีช่วยทำให้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา