ช่วงที่ผ่านมาธุรกิจสายการบินอาจไม่ได้รุ่งโรจน์เหมือนในอดีต เพราะด้วยน้ำมันที่แพง ทำให้เกิดสายการบินราคาถูก-บินไม่สบายเยอะขึ้น แต่แล้วทำไม Singapore Airlines ถึงกล้าเปิดเส้นทางบินตรงสู่สหรัฐอเมริกาอีกครั้งล่ะ?
พลิกฟิ้นธุรกิจสายการบินให้กลับมารุ่งโรจน์
ก่อนหน้านี้ทุกธุรกิจสายการบินก็จะแข่งขันกันเรื่องความหรูหรา และความสะดวกสบาย แต่นั่นอาจจะเป็นแค่อดีต เพราะช่วงนี้การแข่งขันส่วนใหญ่จะเน้นที่เรื่องราคาค่าตั๋วที่ถูก เพื่อจูงใจผู้บริโภคให้มาใช้ ซึ่งมันก็ยังเป็นอย่างนั้นในบางสายการบินอยู่ แสดงให้เห็นถึงจุดเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของธุรกิจสายการบิน
อย่างไรก็ตามเรื่องนั้นอาจจะเป็นแค่ในอดีตแล้วเช่นกัน เพราะอีก 2 วันหลังจากนี้ Singapore Airlines จะเปิดให้บริการเที่ยวบินที่บินไกลที่สุดในโลก หรือจากสิงคโปร์ไปที่ New York สหรัฐอเมริกา โดยใช้เวลาบินเพียง 19 ชม. ซึ่งน้อยกว่าปกติถึงเกือบ 2 เท่า
สำหรับเที่ยวบินดังกล่าวนั้นจะใช้เครื่องบินรุ่น A350-900 Ultra Long Range บรรทุกผู้โดยสารได้ทั้งหมด 161 คน แบ่งเป็น Business Class ที่มาพร้อมกับเตียงส่วนตัว 67 ที่นั่ง และ Premium Economy อีก 94 ที่นั่ง ราคาค่าตั๋วเริ่มต้นที่ 4,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.3 แสนบาท)
บริการสุดหรูหราเพื่อให้เวลา 19 ชม. มีความสุข
แต่ด้วยระยะเวลาบินถึง 19 ชม. ทำให้ Singapore Airlines ตัดสินใจพาร์ทเนอร์กับ Canyon Ranch ผู้ให้บริการ Health Spa Resort เพื่อออกแบบวิธีทำให้ผู้โดยสารนอนหลับได้ลึกขึ้น, รูปแบบการยืดเส้นยืดสายบนเครื่อง รวมถึงเมนูอาหารที่ใช้หลักโภชนาการมาช่วยให้ร่างกายรู้สึกดีตลอดเวลา แต่ถ้าไม่อยากรับประทานอาหารแบบนั้น ทางสายการบินก็มีบริการ Book the Cook ที่สามารถเลือกอาหารได้ตามต้องการด้วย
ส่วนเรื่องความบันเทิงนั้น ตัวเครื่องก็มีภาพยนตร์ให้รับชมกว่า 1,200 ชม. พร้อมรายการโทรทัศน์จำนวนมาก และถ้าอยากทำงานก็สามารถจ่ายค่าบริการเพื่อใช้งานอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง 200 Mbps ได้
ทั้งนี้ Singapore Airlines เคยมีเส้นทางบินตรงจากสิงคโปร์ไปสหรัฐฯ มาแล้ว แต่เพิ่งหยุดบินไปเมื่อ 5 ปีก่อน เพราะด้วยราคาน้ำมันที่พุ่งเกิน 100 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล แต่ปัจจุบันราคาน้ำมันต่ำลงแล้ว ประกอบกับเครื่องบินรุ่นใหม่ที่น้ำหนักเบาลง, กินน้ำมันน้อยลง 25% และบรรทุกน้ำมันได้มากกว่าเดิม 17% ทำให้มันคุ้มค่าที่จะทำการบินให้มันหรูหรา
สรุป
ใครที่อยากลองการบินระดับหรูก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าจับจอง และถ้ามองในแง่ธุรกิจการบินก็แสดงให้เห็นว่าโอกาสที่ความรุ่งโรจน์ของธุรกิจนี้อาจกลับมาอีกครั้งก็ได้ เพราะมันแสดงให้เห็นว่าเครื่องบินหรูก็ยังทำได้อยู่ และในอนาคตเราอาจเห็นการติดตั้งโรงยิมในเครื่องบิน, โซนสำหรับเด็ก หรืออื่นๆ ก็เป็นได้
อ้างอิง // Quartz
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา