ตอนนี้ย่านรัชดา – พระราม 9 คึกคักจริงๆ เพราะเป็น New CBD (Central Business District) ที่มีตึกออฟฟิศสำนักงานตั้งอยู่มากมาย พร้อมกับห้างสรรพสินค้าครบครัน ทำให้ราคาคอนโดมีเนียมที่นี่พุ่งถึง 240% เมื่อเทียบกับ 5 ปีก่อน บางแห่งจาก 50,000 บาท เป็น 1.7 – 1.8 แสนบาท/ตร.ม. แต่ทำไมยังมีบางรายขายแค่ 65,000 บาท/ตร.ม. ได้อยู่
แพงไปก็เท่านั้น เพราะส่วนใหญ่เงินเดือนไม่เกิน 45,000 บาท
ธนากร ธนวริทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไรส์ เอสเตท จำกัด ในเครือบมจ.ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ บอกว่า ค่าเฉลี่ยเงินเดือนของคนทำงานออฟฟิศย่านรัชดา – พระราม 9 อยู่ระหว่าง 20,000 – 35,000 บาท/เดือน หากขายห้องที่มีราคาเกิน 2 ล้านบาท โอกาสที่สถาบันการเงินจะอนุมัติให้บุคคลเหล่านี้กู้ก็ค่อนข้างยาก ทำให้การตีตลาดกลุ่มลูกค้ามนุษย์เงินเดือนย่านรัชดา – พระราม 9 ที่มีกว่า 20,000 คน การทำราคาให้ต่ำคือเรื่องสำคัญ ส่วนการเดินทาง และสาธารณูปโภคต่างๆ ยังถูกมองเป็นเรื่องรอง
“ในอดีตรัชดา – พระราม 9 ค่อนข้างนิ่ง แต่ตอนนี้มันคึกคักมาก หลังมีสำนักงานเปิดใหม่เพียบ รถไฟฟ้าสายสีส้มก็กำลังจะสร้างในปีหน้า รวมถึงมีห้างดิวตี้ฟรีตรงอาร์ซีเออีก ซึ่งเหตุนี้เอง ทำให้คำว่าคอนโดรัชดา – พระราม 9 ถูกค้นหาเยอะที่สุดในหมวดอสังหาริมทรัพย์ของกูเกิล เพราะผู้คนจากทุกฝั่งของกรุงเทพ ต่างเข้ามาทำงานที่นี่กันทั้งนั้น และเขาก็ต้องการคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ไม่ใช่ต้องเดินทางไกลๆ ดังนั้นคอนโดราคาไม่สูงมากจึงค่อนข้างตอบโจทย์ และสามารถขายได้จริง ไม่ใช่ปั่นราคาใบจองไปเรื่อยๆ”
ชาวต่างชาติก็สนใจลงทุนปล่อยเช่า
ด้วยราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท ทำให้การตัดสินใจของนักลงทุนต่างชาติ ทั้งซื้อเพื่ออยู่เอง และเพื่อปล่อยให้คนไทยเช่า ทำได้ง่ายขึ้น ซึ่งทั้งสองปัจจัยข้างต้น ทำให้คอนโดมีเนียมย่านรัชดา – พระราม 9 เป็นหนึ่งในฟันเฟืองของการกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง แม้คอนโดมีเนียมย่านนี้จะเป็นลักษณะ Low Rise หรือสูงไม่เกิน 8 ชั้น แต่ก็ยังตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในย่านนี้อยู่ดี เพราะส่วนใหญ่ใช้เพื่อพักอาศัย และในวันหยุดอาจไปพักผ่อนในบ้านของครอบคลุมที่อยู่ย่านชานเมืองแทน
ทั้งนี้ ไรส์ เอสเตท เตรียมเปิดขายโครงการ RISE Rama 9 ตั้งอยู่บนถนนพระราม 9 บนที่ดินขนาด 6 ไร่เป็นอาคารสูง 8 ชั้น จำนวน 4 อาคาร รวมกว่า 600 ห้อง แบ่งเป็น 1 ห้องนอน ขนาด 25 – 33 ตร.ม., 2 ห้องนอน ขนาด 61 ตร.ม. และห้อง Duplex ขนาด 70 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 1.69 ล้านบาท หรือ 65,000 – 75,000 บาท/ตร.ม. โดยรอบโครงการห่างจากสถานีรถไฟฟ้าสายสีส้ม 500 ม. และใกล้กับจุดเชื่อมต่อทางพิเศษศรีรัช และรามอินทรา – อาจณรงค์ มีการติดตั้งระบบ Home Intellegence พร้อมเข้าอยู่ปลายปี 2561
ปรับโครงสร้าง – ตัดกำไร ทำราคาต่ำกว่าคู่แข่ง 20%
“ถ้าเอาโครงการ RISE ไปเทียบกับคู่แข่งในย่านเดียวกัน จะเห็นว่าเราถูกกว่า 20% เพราะบริษัทตัดสินใจลดกำไรจากการขาย พร้อมกับปรับโครงสร้างการบริหารงาน ทำให้ราคาค่อนข้างถูกในระแวกนี้ จนต่างชาติซื้อโครงการเราหมดไปแล้ว 40% และคิดว่าน่าจะครบโควต้า 49% แน่นอน ส่วนใหญ่เป็นสิงคโปร์ และฮ่องกงที่ตัดสินใจซื้อผ่านเอเย่นต์ที่ไปติดต่อมาให้เรา แต่ชาวต่างชาติจะไม่เข้ามากวนคนไทย เพราะตัวตึกจะแยกกันชัดเจน ซึ่งคนไทยก็มีฟีดแบ็คดี เพราะราคาถูก และคิดว่าโครงการนี้น่าจะจองหมดอย่างรวดเร็ว”
สำหรับกลุ่ม ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ปัจจุบันมีโครงการในมือทั้งหมด 7 แห่ง เป็นคอนโดมีเนียมจะเป็นโลว์ไรซ์ทั้งหมด ผ่านคอนเซ็ปราคาเอื้อมถึง ไม่ไกลจากตัวเมือง แต่อาจไม่ติดรถไฟฟ้า ผ่านชื่อโครงการ THE EXCEL เช่นที่อุดมสุข โดยการตั้งแบรนด์ RISE ขึ้นมา เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการบริหาร โดยปี 2560 มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ทุกไตรมาส ผ่านที่ดิน 4 – 5 แปลงที่ซื้อเรียบร้อยแล้ว และใช้กลยุทธ์เรื่องราคาไม่เกิน 2 ล้านบาทในการจูงใจผู้ซื้อ นอกจากนี้ยังมีโครงการบ้านแนวราบย่านประเสิร์ฐมนูญกิจ ราคา 2.99 ล้านบาท
สรุป
ย่านรัชดา – พระราม 9 ถือเป็นย่าน New CBD มีพนักงานออฟฟิศมากมายอยู่ตรงนี้ ทำให้โอากาสที่พวกเขาจะหาที่พักอาศัยที่เดินทางสะดวกกว่านั่งรถตู้ไกลๆ เข้ามาก็มีสูง แต่ถ้าราคาห้องปรับเพิ่มไปมากกว่านี้ก็คงจับต้องยาก ต้องรอดูกันต่อไปว่า 5 ปีถัดจากนี้ ราคาต่อตร.ม. จะพุ่ง 240% อีกหรือไม่
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา